วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ และผู้ก่อตั้ง บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ได้ส่งจดหมายถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องขอภาครัฐช่วยขับเคลื่อนโครงการ ‘Phuket Sandbox’ ให้ประสบความสำเร็จ (Save Phuket Sandbox)
ผู้ก่อตั้ง MINT ระบุว่า ในเวลานี้ความสำเร็จของโครงการ ‘Phuket Sandbox’ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเตรียมเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ โครงการนี้นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะช่วยวางรากฐานให้กับการเปิดพื้นที่อื่นๆ ของประเทศในระยะต่อไป
“ประชาคมโลกต่างก็กำลังจับตามองเราอยู่ ความล้มเหลวของ Phuket Sandbox อาจสร้างจุดด่างพร้อยต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลกได้ ดังนั้นทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้โครงการที่สำคัญนี้ประสบผลสำเร็จ”
เป็นที่แน่นอนว่าเพื่อให้เป้าหมายนี้ประสบความสำเร็จ ภาระและหน้าที่ความรับผิดชอบส่วนใหญ่นั้นขึ้นอยู่ที่การบริหารจัดการของรัฐบาลโดยตรง ซึ่งรัฐบาลควรใช้นโยบายการสั่งการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติแบบบนลงล่าง (Top-Down Approach) ผ่านการประสานงานและการกระจายความรับผิดชอบไปยังกระทรวงต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวแทนการทำงานแบบไซโล
สำนักนายกรัฐมนตรี ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการต่างประเทศ ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักที่ครอบคลุมในภาพรวมเพื่อประโยชน์สุทธิของประเทศเป็นสำคัญ หากไม่เป็นเช่นนั้นโครงการและแนวคิดที่สำคัญต่างๆ ก็อาจล้มเหลว เนื่องจากขาดความเป็นผู้นำและความเป็นเจ้าของ
- ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนในจังหวัดภูเก็ต: เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนชาวภูเก็ตทุกคนโดยเร็วที่สุด เราต้องตั้งเป้าหมายอัตราการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะหากอัตราการฉีดวัคซีนยังไม่สูงเพียงพอ ประชาชนส่วนน้อยที่เหลือก็จะยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลจำเป็นต้องประกาศกรอบระยะเวลาที่ภูเก็ตจะบรรลุเป้าหมายในการฉีดวัคซีนสำหรับเข็มที่ 2 และ 3 ให้ชัดเจนด้วย
- จัดให้มีการบริการตรวจโควิดฟรี และติดตามผู้สัมผัสแบบเชิงรุก: ชาวภูเก็ตควรสามารถเข้าถึงการตรวจโควิดที่มีประสิทธิภาพได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ราคาชุดทดสอบ Antigen Test Kit (ทั้งสำหรับจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ) ควรลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกันกับที่ขายในต่างประเทศ หรือไม่ควรมีการคิดค่าบริการใดๆ เลย นอกจากนี้ควรติดต่อและแจ้งข้อมูลให้กับผู้อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงต่อการระบาด เพื่อให้พวกเขามีโอกาสได้เข้ารับการตรวจ และใช้มาตรการป้องกันขั้นพื้นฐานเพื่อลดการแพร่กระจายต่อ
- ยกเลิกกระบวนการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry หรือ COE): เจ้าหน้าที่ทางการควรปรับระเบียบข้อบังคับด้านการเข้าออกของนักท่องเที่ยวต่างชาติในโครงการ Phuket Sandbox ให้เกิดความสะดวก มีประสิทธิภาพ และอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกันกับการเปิดประเทศของแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งรวมไปถึงการยกเลิกกระบวนการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย หรือ COE และเปลี่ยนไปใช้กระบวนการอื่นๆ ที่สะดวกและรวดเร็วกว่าแทน ด้วยกระบวนการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทยที่มีอยู่นั้นยุ่งยากและซับซ้อนเกินไป ไม่เพียงแต่สำหรับชาวต่างชาติ แต่ยังรวมไปถึงประชาชนคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับมายังประเทศไทย
“ภาครัฐจำเป็นต้องตระหนักว่าภูเก็ตนั้นกำลังแข่งขันกับจุดหมายปลายทางระดับโลกในยุโรป หมู่เกาะและประเทศในแถบแคริบเบียน ตะวันออกกลาง และมัลดีฟส์ ซึ่งกระบวนการเข้าประเทศของหลายๆ แห่งนั้นไม่จำเป็นต้องมีการขอวีซ่าล่วงหน้า ทำให้มีความสะดวกและเรียบง่ายกว่าของประเทศไทยมาก”
- รณรงค์การสื่อสารเชิงรุกเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของภูเก็ตให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยที่สุดในช่วงโควิด: หลังจากที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิดที่ภูเก็ตได้แล้ว หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ในการจัดทำแคมเปญระดับโลกเพื่อสร้างแบรนด์ให้ภูเก็ต ข้อความที่สื่อออกไปควรระบุว่า ภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยที่สุดสำหรับการพักผ่อนในยุคโควิด โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสามารถใช้จุดยืนของแบรนด์ใหม่นี้ (New Brand Positioning) เพื่อทำการตลาดกับประเทศกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง และในขณะเดียวกัน รัฐบาลควรใช้ช่องทางทางการทูตและช่องทางอื่นของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสร้างความแตกต่างอย่างจริงจังระหว่างภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆ ที่เหลือของประเทศ ผมเองก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้บริการต้อนรับนักการทูตต่างชาติที่อยู่หรือที่มาเยือนประเทศไทยในการเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ตของไมเนอร์ที่ภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อช่วยแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยและเสน่ห์ที่น่าดึงดูดของโครงการ Phuket Sandbox ให้กับประชาคมโลก
วิลเลี่ยมกล่าวอีกว่า ใคร่ขอการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตอยู่ในขณะนี้ ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการด้านการคลังเพื่อช่วยเยียวยาภาคการท่องเที่ยวในรูปแบบการขยายเวลาการอนุญาตให้นำผลขาดทุนไปหักล้างกับกำไรสุทธิที่อาจจะเกิดขึ้นในปีต่อไปเพิ่มเป็น 10 ปี มาตรการลดภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร การขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ
โดยการสนับสนุนที่เสนอแนะดังกล่าว ภาครัฐสามารถมุ่งเป้าการช่วยเหลือเฉพาะเจาะจงไปที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้เลย เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนอย่างเป็นมรรคเป็นผล ประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศต่างตระหนักถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของพวกเขา และได้มอบเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนกว่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยเองก็ควรทำเช่นกัน
“ความสำเร็จของโครงการ Phuket Sandbox และโครงการ Sandbox ในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ในอนาคต เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย นอกเหนือจากการที่โครงการจะเป็นโครงการนำร่องที่สำคัญให้กับประเทศแล้ว Phuket Sandbox จะเป็นเสมือนแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะก่อให้เกิดการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีกครั้ง” ผู้ก่อตั้ง MINT กล่าว
ภาพ: Lauren DeCicca / Getty Images
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP