เมื่อวานนี้ (13 กันยายน) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกาเตรียมผลักดันงบสู้วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม หลังจากสหรัฐฯ เผชิญวิกฤตต่อเนื่อง โดยเฉพาะไฟป่า Caldor Fire ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่สร้างความเสียหายให้กับบริเวณรอบทะเลสาบ Tahoe ไปแล้วกว่า 2.19 แสนเอเคอร์ (ราว 5.54 แสนไร่)
โดยไบเดนจะร่วมทำแคมเปญแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในแคลิฟอร์เนียร่วมกับ กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียจากพรรคเดโมแครตที่กำลังเผชิญความยากลำบากทางการเมืองจากการลงคะแนนเสียงถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้ง (Recall Vote) ที่อาจทำให้เขาพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนี้ได้
ไบเดน ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์เตือนพวกเรามาตลอดหลายปีว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายจะยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความจริงนั้นแล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายนั้น ก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหายในสหรัฐฯ สูงถึง 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.26 ล้านล้านบาท) ในปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดการณ์ว่าสถิติดังกล่าวจะถูกทำลายอย่างรวดเร็วในปีนี้
โดย ไบเดน เตรียมผลักดันร่างกฎหมายด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 39.5 ล้านล้านบาท) และแพ็กเกจแยกอีก 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 115.2 ล้านล้านบาท) เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดทศวรรษนี้ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวนี้จะเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไบเดนระบุว่า ในปีนี้ปีเดียวสหรัฐฯ เผชิญหน้ากับวิกฤตไฟป่าไปแล้วกว่า 44,000 จุดทั่วประเทศ สร้างความเสียหายไปแล้วรวม 5.4 ล้านเอเคอร์ (ราว 13.7 ล้านไร่) หรือมีขนาดเทียบเท่ารัฐนิวเจอร์ซีย์ทั้งรัฐ ซึ่งในก่อนหน้านี้ช่วงเดือนกรกฎาคม 2021 สหรัฐฯ เผชิญหน้ากับ Dixie Fire ที่สร้างความเสียหายมากสุดถึง 9.6 แสนเอเคอร์ (2.4 ล้านไร่) นับเป็นวิกฤตไฟป่าที่รุนแรงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของแคลิฟอร์เนีย เป็นรองเพียงวิกฤตไฟป่า August Complex เมื่อเดือนสิงหาคม 2020 ที่สร้างความเสียหายมากสุดถึง 1.03 ล้านเอเคอร์ (2.6 ล้านไร่)
ภาพ: Brittany Murray / MediaNews Group / Long Beach Press-Telegram via Getty Images
อ้างอิง:
