×

ส.ส. เพื่อไทย อัดประยุทธ์ไร้วิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ ทำให้ไทยขาดดุลการค้าและการบริการครั้งแรกในรอบ 10 ปี

โดย THE STANDARD TEAM
01.09.2021
  • LOADING...
Kritsada Tantordhit

วันนี้ (1 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเป็นวันที่สอง ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ณ ห้องประชุมพระสุริยัน ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม – 3 กันยายน และลงมติในวันที่ 4 กันยายน โดย กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดหนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เวลานี้ภาคอุตสาหกรรมเป็นเสาหลักสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ เมื่อภาคอื่นๆ ถดถอย เวลานี้แสดงให้เห็นแล้วว่านายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ ไม่เข้าใจเศรษฐกิจและขาดวิสัยทัศน์อย่างร้ายแรง จากการบริหารงานที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งยังไม่ทันเหตุการณ์ จนกลับกลายเป็นการซ้ำเติมภาคธุรกิจที่พยายามเอาตัวรอดอย่างหนัก เปรียบเสมือนคนที่จะจมน้ำ และแทนที่นายกฯ จะช่วยดึงพวกเขาเหล่านี้ขึ้นมา นายกฯ กลับเหยียบหัวคนเหล่านี้ให้จมน้ำจนมิด ทำให้หลายธุรกิจต้องปิดกิจการไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะมีรัฐบาลไม่เข้าใจปัญหา มีผู้บริหารที่บริหารกันไปคนละทิศละทางจนปล่อยให้ประชาชนและภาคเอกชนดิ้นรนกันเอง ต้องหาวัคซีน หาทางกลับบ้าน หาโรงพยาบาลเอง อยากถามว่าแล้วจะมีรัฐบาลไปทำไม

 

กฤษฎากล่าวอีกว่า วันนี้แรงงานที่เป็นหัวใจหลักและเป็นด่านหน้าเรื่องเศรษฐกิจได้รับวัคซีนเพียง 10% เท่านั้น พร้อมกันกับที่เศรษฐกิจดิ่งลงและหนี้ครัวเรือนสูงเพิ่มขึ้น จึงแนะให้นายกฯ หยุดพักดอกเบี้ยให้กลุ่มคนเหล่านี้ เพราะยังไม่รวมหนี้นอกระบบ สมัยนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มีการทำกฎหมายหนี้นอกระบบไว้ ในเวลานี้ก็ควรเอากฎหมายนี้มาจัดการเพื่อให้คนตัวเล็กได้มีอากาศหายใจ ผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ อยากให้ถามคนที่ประสบปัญหาว่าเอกชนต้องการอะไร รัฐจะสนับสนุนอะไรบ้าง แต่รัฐกลับตัดสินใจแทน ออกมาตรการโดยไม่ถามเอกชน ทำให้การเยียวยาไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ทั้งที่จริงๆ เอกชนยอมทำตามมาตรการทุกอย่างของรัฐ แต่รัฐก็ไม่อาจสนองความต้องการของประชาชนได้เลย

 

“วันนี้ท่านมีเบอร์ฉุกเฉินที่โทรไปก็ไม่มีคนรับ หรือรับก็ใช้เวลานานมากๆ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของหน่วยงานต่างๆ เพราะหากฝ่ายบริหารเข้าใจปัญหา มีความพร้อมในการรับมือ และทำงานอย่างเป็นระบบ ทำอย่างอย่างรวดเร็วมากกว่านี้ ประเทศเราคงไม่ต้องสูญเสียมากขนาดนี้ หลายครั้งรัฐบาลต้องถูกประชาชนด่าซ้ำๆ จึงค่อยออกมาดำเนินการอย่างล่าช้าและไม่ทันการ อยากถามนายกฯ ว่าในวันที่เรามีผู้ติดเชื้อน้อย ทำไมนายกฯ ไม่สั่งวัคซีน ขณะที่ในวันที่เอาไม่อยู่แล้วก็ปล่อยให้ประชาชนอยู่ไปแบบตามมีตามเกิด ไม่ได้วางแผนหรือหาทางรองรับพวกเขาเลย อยากถามนายกฯ ว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะนายกฯ ไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอะไร หรือรู้แต่ไม่กล้าตัดสินใจ บางครั้งตนก็ไม่แน่ใจว่าเห็นประชาชนเป็นอะไร คุณค่าของความเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน วันนี้ท่านทำงานเพื่อใครแน่” กฤษฎากล่าว

 

กฤษฎากล่าวต่อไปด้วยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้ประกอบการ เข้าใจหัวอกผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ต้องกลับบ้านดี ในวันที่พวกเขาตัดสินใจมาเมืองใหญ่ ก็เพราะเชื่อว่าจะหารายได้ได้มากขึ้นเพื่อให้คนทางบ้านอยู่สบาย แต่วันนี้กลับต้องตกงานและไม่รู้ต้องหารายได้จากทางไหน หลายครอบครัวเป็นการเดินทางกลับบ้านครั้งสุดท้ายเพราะเกิดการสูญเสียจากโรคระบาด อยากถามนายกฯ ว่าฟังเรื่องราวเหล่านี้แล้วรู้สึกอย่างไร หรือลืมไปแล้วว่าผู้ประกอบการลำบากอย่างไร การสูญเสียบางเรื่องไม่อาจเยียวยาได้ จะเยียวยาการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวประชาชนอย่างไร

 

กฤษฎายังกล่าวอีกว่า โครงการคนละครึ่งกลับทำร้ายผู้ประกอบการรายย่อย บางรายเป็นร้านเล็กๆ โดนภาษีย้อนหลังนับแสนบาท ถามว่าพวกเขาจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร การบริหารจัดการของท่านได้พิสูจน์แล้วว่าไร้ประสิทธิภาพ และถูกต่างชาติวิเคราะห์ว่าจะฟื้นตัวจากโควิดได้ช้าที่สุด และหากวิกฤตนี้ลามไปยังธนาคาร เราจะต้องเผชิญหายนะกันทั้งหมด คำถามสำคัญคือ วันนี้ประเทศไทยไหวหรือไม่ บอกได้เลยว่าหากยังอยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้เราคงไม่ไหว วันนี้เราขาดดุลการค้าและการบริการครั้งแรกในรอบ 10 ปี เราขาดดุลบัญชีเดินสะพัดราว 2% ของ GDP ส่งผลให้เงินบาททรุดและหนักที่สุดในเอเชีย หรือกล่าวอีกอย่างคือ ไทยจะมีรายได้จากการค้าและงานบริการจากต่างประเทศน้อยกว่ารายจ่าย เพราะเราขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เรื่องเศรษฐกิจ แต่กลับคิดว่าตัวเองเข้าใจและรู้เรื่องทุกอย่างดี

 

“วันนี้คนไทยเป็นหนี้ แต่ผมคิดว่าพวกท่านเป็นหนี้คนไทยที่ทำให้พวกเขาลืมตาอ้าปากไม่ได้ ทำให้ประชาชนต้องสูญเสียธุรกิจ ล้มละลาย และเสียชีวิต ซึ่งใช้ทรัพย์สินใดๆ มาทดแทนไม่ได้ ทุกครอบครัวหลังวิกฤตนี้จะไม่มีทางเหมือนเดิม นายกฯ ยอมรับเถอะว่าท่านบริหารล้มเหลว เวลานี้เราหมดความเชื่อมั่น ไว้ใจในการบริหารประเทศของคณะรัฐบาลชุดนี้แล้วจริงๆ” กฤษฎากล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X