หลังจากรอมานานกว่า 4 ปีเต็ม อัลบั้มชุดใหม่ของ Lorde หนึ่งในศิลปินที่มากความสามารถแห่งยุคก็ปล่อยออกมาให้ฟังกันเต็มๆ แล้วในชื่อ Solar Power ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับซิงเกิลแรกที่ปล่อยออกมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ (19 สิงหาคม) THE STANDARD POP ได้เป็นหนึ่งสื่อจากโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้เข้าไปพูดคุยและฟังการสัมภาษณ์ของเธอผ่าน Zoom เพื่อโปรโมตผลงานใหม่
Solar Power เป็นอัลบั้มชุดที่ 3 ต่อจาก Pure Heroine (2013) และ Melodrama (2017) ที่ทำให้เธอสามารถก้าวกระโดดมาอยู่แถวหน้าของวงการเพลง การันตีด้วยรางวัลและคำชื่นชมของนักวิจารณ์มากมายนับไม่ถ้วน โดยในอัลบั้มนี้เธอได้ร่วมงานกับสองโปรดิวเซอร์ Jack Antonoff และ Malay เป็นหลัก โดยภาพรวมของอัลบั้มได้แรงบันดาลใจจากซาวด์ดนตรีแคลิฟอร์เนียป๊อปร็อกยุค 60-70s ผสมผสานกับเพลงป๊อปยุคปลาย 90s ต้น 2000s ที่เธอเติบโตมาด้วยกับศิลปินเช่น Natalie Imbruglia เจ้าของเพลงสุดคลาสสิกอย่าง Torn โดยในการสัมภาษณ์ Lorde บอกว่า อัลบั้มนี้เธอไม่อยากถูกกดดันจากการต้องทำเพลงที่กำลังได้รับความนิยมในกระแสหลัก แต่เลือกทำอะไรที่มีความคลาสสิก ฟังได้ทุกยุคสมัย และสะท้อนช่วงชีวิตของเธอจริงๆ ซึ่งเธอได้ใช้เวลาทำอัลบั้มนี้เป็นหลักที่ประเทศนิวซีแลนด์บ้านเกิดตอนกักตัวช่วงจากสถานการณ์โควิดเมื่อปีที่แล้ว ส่วนชื่อของอัลบั้มก็ได้มาตอนที่เธอไปเที่ยวทวีปแอนตาร์กติกาก่อนที่ทั่วโลกจะล็อกดาวน์
Solar Power มีทั้งหมด 12 เพลง ยาวประมาณ 43 นาที โดย Lorde ยกให้เพลงโปรดคือเพลงสุดท้ายปิดอัลบั้มที่ชื่อ Oceanic Feeling ที่ยาวกว่าหกนาทีครึ่ง ที่มาในซาวด์ Psychedelic Pop ผสมเสียงจักจั่นที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์ โดยเนื้อหาพูดถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อคุณพ่อและน้องชายของเธอ Angelo และสิ่งที่เธออยากส่งมอบและปลูกฝังต่อไปให้กับลูกๆ แถมอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์สำหรับคอดนตรีป๊อปหลายคน คือการที่ Robyn หนึ่งในสุดยอดนักร้องหญิงชาวสวีเดนมีการมาพูดท่อนหนึ่งด้วยในเพลง Secrets from a Girl (Who’s Seen It All) ที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของอัลบั้มนี้
ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่ Lorde ชัดเจนมากในการสัมภาษณ์คือ หนึ่งในเหตุผลที่เธอใช้เวลานานถึง 2 ปีในการทำอัลบั้มชุดหนึ่ง ก็เพราะเธอมีส่วนร่วมในทุกกระบวนการทุกขั้นตอนจริงๆ ตั้งแต่เนื้อร้อง ทำนอง การโปรดิวซ์เพลง อาร์ตเวิร์กอัลบั้ม และการร่วมกำกับมิวสิกวิดีโอต่างๆ ของเธอ โดยเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่า ไม่ชอบที่มีคนมาเหมารวมว่าเธอคือหนึ่งในสมาชิกของก๊วนศิลปินหญิงที่โปรดิวเซอร์ Jack Antonoff ช่วยปั้นและทำเพลงในสไตล์เขาให้ เช่นเดียวกับ Taylor Swift และ Lana Del Rey โดยเธอบอกว่าศิลปินทุกคนต่างมีเอกลักษณ์ในการทำเพลงที่ไม่เหมือนกัน และหลายอย่างเธอก็คิดเอง ทำเอง แต่แค่มี Jack Antonoff มาช่วยเสนอแนะมากกว่า
สำหรับใครที่เป็นแฟนเพลงของ Lorde น่าจะรู้ดีแล้วว่าอัลบั้ม Solar Power เธอจะไม่มีการผลิตซีดีออกมา เพราะเธอมองว่าเป็นการผลิตสินค้าที่จะก่อให้เกิดมลพิษขยะได้ แต่จะเน้นปล่อยให้ฟังทางแพลตฟอร์มสตรีมมิงและมีแผ่นไวนิลให้จองกันได้ ซึ่งจะผลิตตามความต้องการ ส่วนต้นปีหน้าเธอจะเริ่มออกทัวร์รอบโลก และสัญญาว่าจะมาโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แน่นอนถ้าสถานการณ์ดีขึ้นและปลอดภัย
Solar Power อาจไม่ได้เป็นผลงานที่หนักแน่นไปด้วยโปรดักชันที่หวือหวา ล้ำสมัย และมีเพลงที่พร้อมฮิตติดชาร์ตหากเทียบกับสองอัลบั้มก่อน แต่มันก็สามารถสะท้อนตัวตน การเติบโต และช่วงชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อ Lorde ที่ก้าวมาถึงวัย 24 ได้อย่างน่าสนใจ มีความเป็นกันเอง เรียบง่าย และมองโลกในแง่ดี ซึ่งความน่าตื่นเต้นในการเป็นแฟนเพลงของเธอคือ ต่อไปพอเธอทำอัลบั้มช่วงวัย 28, 32 หรือ 40 เราก็น่าจะเห็นมิติอื่นๆ ของเธออย่างที่ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ และมาในเฉดสีใหม่ๆ ที่เราไม่เคยนึกว่าเธอจะมีให้เห็น
*สามารถฟังอัลบั้ม Solar Power ได้แล้วตามแพลตฟอร์มสตรีมมิงทุกช่องทาง
ภาพ: Lorde
