วันนี้ (16 สิงหาคม) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงข่าวหลังการประชุมของ ศบค. ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน โดยข้อสรุปของที่ประชุมมีดังนี้
ให้คงมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัดต่อไป ตั้งแต่วันที่ 18-31 สิงหาคมนี้
เพิ่มมาตรการดังนี้
- ทดสอบ ค้นหา และแยกกักอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ชุดตรวจ ATK โดยเน้นใน กทม. และปริมณฑล รวมทั้งการจัดทีม CCRT ให้เพียงพอ และจัดระบบการนำเข้าสู่ Home Isolation และ Community Isolation
- เน้นการ Work from Home ต่อเนื่อง โดยพนักงานของภาครัฐและเอกชนที่จำเป็นต้องมาทำงาน ให้คัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์
- เตรียม Company Isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน และเตรียมความพร้อมของงานบุคลากรในการคัดกรองด้วย ATK และลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการรักษาแบบ Home Isolation และ Community Isolation
- มาตรการควบคุมเฉพาะสถานที่สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เข่น โรงงานหรือสถานประกอบการที่มีพนักงานเกิน 100 คน ให้ดำเนินการ Bubble and Seal เต็มรูปแบบ ตลาด ค้าส่งขนาดใหญ่ ให้คัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ และสุ่มตรวจผู้ใช้บริการเป็นระยะ
- เร่งฉีดวัคซีนกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงอย่างน้อย 80% ใน กทม. 70% ใน 12 จังหวัด และ 50% ในพื้นที่อื่นๆ
- เพิ่มอัตราการหมุนเวียนรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยรอเตียงและผู้ป่วยอาการหนักในโรงพยาบาล
- เร่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์สำหรับผู้ป่วยสีเขียว
- รัฐสนับสนุนให้ประชาชน องค์กร และสถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตัวเอง
- มีระบบการดูแลรักษารองรับเมื่อพบเชื้อ เน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตัวเองในทุกกรณี และสื่อสารให้ทุกคนปฏิบัติตามหลักการป้องกันโรค
- จัดทำ Thai COVID Pass รองรับการเปิดประเทศ
ปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าจำเป็น/กิจกรรมจำเป็นในห้างสรรพสินค้า
- ให้เปิดกิจการธนาคารและสถาบันการเงิน โดยมีมาตรการอย่างเคร่งครัด 26 ข้อ ตามที่สมาคมศูนย์การค้าไทยได้จัดทำไว้
สำหรับร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจสื่อสารและไอที ร้านเบ็ดเตล็ด ตามที่สมาคมศูนย์การค้าไทยได้เสนอยังคงใช้มาตรการเดิม เนื่องจากสามารถซื้อออนไลน์ได้ โดยอาจจะพิจารณาคลายล็อกในครั้งต่อไปหากมีความจำเป็นยิ่งขึ้น