×

กลุ่ม ‘ค้าปลีกไอที’ กำไรไตรมาส 2 โตกระโดด รับกำลังซื้อสินค้าไอทีพุ่งตามพฤติกรรม WFH ขณะที่นักวิเคราะห์หวั่นกำไรไตรมาส 3 สะดุดจากมาตรการล็อกดาวน์

14.08.2021
  • LOADING...
ค้าปลีกไอที

THE STANDARD WEALTH ได้รวบรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 ของกลุ่มค้าปลีกสินค้าไอที พบว่า 5 บริษัทที่รายงานผลการดำเนินงานออกมาแล้วมีกำไรปรับเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น โดย COM7 รายงานกำไรไตรมาส 2 มากที่สุด โดยมีกำไรสุทธิ 587 ล้านบาท ขณะที่ CPW มีกำไรสุทธิเติบโตในอัตรามากสุด ถึง +494.83%

 

ความต้องการสินค้าไอทีพุ่งดันกำไรโตกระโดด

บมจ.คอมเซเว่น หรือ COM7 ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/64 มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,562.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกําไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,549.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.9% 

 

COM7 มีกําไรสุทธิ 587 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.9% เนื่องจากยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เติบโต โดยเฉพาะ iPhone ยังขายดีทั้งในรุ่นปัจจุบันและรุ่นก่อนหน้า รวมถึง iPad, สมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำต่างๆ และสินค้ากลุ่ม Work from Home ยังมีดีมานด์เข้ามาต่อเนื่อง

 

ขณะที่​​ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ SYNEX รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิ 211.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.09% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 166.11 ล้านบาท

  

ในไตรมาส 2/64 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการลดลง 311.45 ล้านบาท หรือ 3.58% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 18.88 ล้านบาท หรือ 4.92% โดยกำไรขั้นต้นของสินค้าเพิ่มเกือบจะทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ภายใต้สถานการณ์อุปทานสินค้าในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ยังมีอยู่จำกัด ในขณะที่ความต้องการสินค้าไอทียังอยู่ในระดับสูงจากสถานะการณ์โรคระบาด และกระแสการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี)

 

ณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายงานขาย และธุรกิจค้าปลีก COM7 กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนยังคงแข็งแกร่ง แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด แต่ดีมานด์ไม่ได้หายไปไหน ยิ่งในช่วงที่มีการปิดสาขาบางส่วนตามมาตรการรัฐ ยิ่งเห็นว่าความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วง Work from Home ซึ่งปัจจุบัน COM7 ยังเข้าถึงลูกค้าได้ไม่เต็มที่ จึงมองว่าดีมานด์ที่อั้นไว้จะไหลกลับเข้ามาในช่วงปลายปี จากปัจจัยบวกในช่วงไฮซีซันธุรกิจ สินค้าใหม่ทยอยเปิดตัว โดยเฉพาะ  iPhone รุ่นใหม่ที่คาดจะกลับมาเปิดตัวในช่วงเวลาปกติ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคของภาครัฐบาล เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 20% 

 

CPW เปิดตัวสินค้าใหม่ครึ่งปีหลัง ดันรายได้โต 20%

ปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คอปเปอร์ ไวร์ด หรือ CPW กล่าววว่า เป้าหมายรายได้ในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน 20% ตามแผน โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่สินค้าใหม่ทยอยเปิดตัวและวางจำหน่าย รวมทั้งการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่ายให้มีประสิทธิภาพ นำออนไลน์เสริมทัพ

 

ในปีนี้วางแผนเปิดสาขาใหม่ 7 สาขา ยังคงตามแผนเดิม และส่วนใหญ่จะเร่งเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง และล่าสุด CPW ได้ประกาศซื้อกิจการ IBIZ Plus รุกตลาดร้านโทรศัพท์มือถือ-อุปกรณ์เสริม มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อขยายช่องทางการจำหน่าย และเพิ่ม Product Mix ในมือ ภายใต้แบรนด์ AIS, Telewiz, Buddy, Samsung และ Xiaomi ในประเทศไทย เสริมจากการเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และแบรนด์ Apple คาดจะเป็นปัจจัยสำคัญรับโอกาสยุคเทคโนโลยีบูมในปี 2565 ให้มีสาขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

 

โบรกหวั่นไตรมาส 3 กำไรสะดุดจากมาตราการล็อกดาวน์ 

บทวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้น คาดกดดันกำไรไตรมาส 3/64 ของ COM7 และจะเป็น Downside ต่อประมาณการ โดยเฉพาะการประกาศปิดร้านค้าในห้างสรรพสินค้านับจากวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ราว 13 จังหวัด และล่าสุดรวม 29 จังหวัด จากวันที่ 3-16 สิงหาคม 2564 (และอาจขยายถึง 31 สิงหาคม 2564) โดยคาดปัจจุบัน COM7 มีสาขาที่ต้องปิดราว 50% 

 

อย่างไรก็ตาม จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา นับจากวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ใกล้เคียงผลกระทบต่อมูลค่าพื้นฐานกรณีเลวร้ายที่ฝ่ายวิจัยประเมิน เชื่อว่าน่าจะสะท้อนประเด็นลบไปพอสมควรแล้ว ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ลงทุนจึงยังแนะนำทยอยซื้อสะสม โดยเฉพาะเมื่อราคาอ่อนตัวตอบรับผลกระทบและ Sentiment ลบ จากการล็อกดาวน์

 

รอราคาหุ้นย่อตัว จึงทยอยสะสม 

บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุเพิ่มว่า สำหรับไตรมาส 4/64 แม้ยังเห็นโอกาสฟื้นตัวจากช่วงฤดูกาลเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ แต่อาจมีประเด็นปัญหาการขาดแคลนชิป ที่น่าจะเริ่มกระทบกับผู้ผลิตของ Apple มากขึ้นบ้าง 

 

วิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (​ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลประกอบการกลุ่มค้าปลีกไอทีโดยรวมออกมาดีตามที่คาด ซึ่งเป็นการเติบโตที่ดีมาก อย่างไรก็ตาม ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้รอจังหวะที่ราคาย่อตัวกว่านี้ก่อน โดยมองว่าหลังการประกาศผลประกอบการมักจะมีแรงขายเพื่อทำกำไรอยู่เสมอ

 

นอกจากนี้ ภาพรวม SET Index ยังมีโอกาสปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จากแรงกดดันเรื่องการถูกปรับลดประมาณการ GDP และการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของ Fed ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันความเคลื่อนไหวของดัชนีตลอดเดือนนี้ อีกทั้งยังมีปัจจัยลบจากเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทยที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

“โดยรวมแล้ว Downside มีกว่า Upside จึงแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะที่ราคาหุ้นย่อตัวลดลงกว่านี้ จึงค่อยเข้าสะสม แม้งบไตรมาส 2 ของกลุ่มค้าปลีกไอทีจะออกมาดีมาก แต่ภาพรวมตลาดยังเต็มไปด้วยปัจจัยลบ จึงมองว่ายังไม่ใช่จังหวะลงทุนที่ดีนัก”

 

 

ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X