วันนี้ (4 สิงหาคม) จากกรณีมีกระแสข่าวถึงกรณีที่ สนธิญา สวัสดี เลขาธิการสมาพันธ์ประชาธิปไตย ได้ยื่นเรื่องเรียกเก็บภาษี กับ ร.ต. พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือเทนนิส นักกีฬาเทควันโดขวัญใจชาวไทย หลังจากที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ได้รับเงินรางวัลเป็นเงินจำนวน 21 ล้านบาท และเรื่องจับมือกับ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ขอวัคซีน Pfizer ให้กับ ส.ส. พรรคการเมืองต่างๆ นั้น
ล่าสุดวันนี้ สนธิญาเดินทางเข้าร้องเรียนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. พร้อมนำหลักฐานเข้าชี้แจง หลังถูก 2 เพจดังนำข่าวเท็จไปเผยแพร่ ทำให้ตนนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง
สนธิญากล่าวว่า วันนี้มี 2 เรื่องที่เข้ามาร้องเรียนกับ ปอท. คือกรณีที่มีเพจในเฟซบุ๊ก นำข่าวอันเป็นเท็จไปเผยแพร่สู่โลกโซเชียลว่าตนได้ออกไปเรียกเก็บภาษีกับเทนนิสหลังได้เหรียญทองและเงินรางวัล จำนวน 21 ล้านบาท จากการแข่งขันเทควันโดหญิง โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 และเรื่องที่ตนจับมือกับ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ทำเรื่องขอวัคซีน Pfizer นำมาฉีดให้กับ ส.ส. พรรคการเมือง ต่างๆ ก่อนนำมาให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ด่านหน้า ทำให้ชาวโซเชียลนั้นได้แชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จออกไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ตนนั้นเสียชื่อเสียงโดนต่อว่ากล่าวหามากมาย รวมไปถึงครอบครัวญาติพี่น้อง ต่างติดต่อมาสอบถามถึงกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่าทำไปเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหว อีกทั้งตนยังสนับสนุนให้เงินรางวัลกับเทนนิสเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท ทำไมตนต้องออกมาเรียกให้ตรวจสอบเก็บเงินภาษีกับเทนนิสด้วย ในเมื่อตัวน้องเองทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ และไม่ใช่เรื่องที่จะนำปัญหามาสู่ตนเองตลอดเวลา
ซึ่งในวันนี้ตนมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่ามี 2 เพจดังที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ จึงเดินทางเข้ามาแจ้งความไว้ก่อน และอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงเจ้าของเพจดังกล่าวว่า ตนจะให้เวลา 7 วันในการออกมาขอโทษ โดยการโพสต์ข้อความผ่านเพจของตัวเอง หากยังไม่ออกมาขอโทษตนก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมายตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และกฎหมายอาญา จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สนธิญากล่าวอีกว่า ตั้งแต่ทำเรื่องร้องเรียนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดนกระแสข่าวตีกลับมาแบบนี้แล้ว 3 ครั้ง แต่ก็ไม่ท้อเพราะตนไม่ได้ทำผิดอะไร รวมไปถึงกรณีที่ดาราออกมา Call out และมีการดำเนินคดีที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง หลังจากนี้หากพบผู้ใดทำการเผยแพร่ข้อมูลวัคซีนอันเป็นเท็จ หรือทำให้วัคซีนดูด้อยค่า ตนก็จะดำเนินการร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างจริงจัง ทั้งนี้ หากมีโอกาสเข้าไปยังสถานทูตจีน ก็จะทำเรื่องเอกสารยื่นขอความช่วยเหลือให้ทางประเทศจีนนำวัคซีนเข้ามาช่วยเหลือประชาชนต่อไป
