Prada Group ออกมาเปิดเผยผลประกอบการช่วง 6 เดือนแรกของปี 2021 ซึ่งพบสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว จากรายได้สุทธิครึ่งแรกของปีที่ทำได้ไปทั้งหมด 1,501 ล้านยูโร หรือราว 58,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 60% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2020 ที่ทำไว้ 938 ล้านยูโร
และจากจำนวนดังกล่าว รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากยอดขายหน้าร้านค้าที่เริ่มกลับมาเปิดได้อย่างเต็มรูปแบบตามปกติในหลายประเทศ โดยทำได้ไปถึง 1,281 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 60 เช่นกันเมื่อเทียบกับช่วงแรกที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด และเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนโรคระบาดอย่างปี 2019
และหากเจาะดูผลประกอบการตามภูมิภาคแล้ว จะเห็นได้ว่าทวีปที่ทำยอดขายมากที่สุดยังเป็นของเอเชียและแปซิฟิก ทำไปทั้งหมด 599 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 65% จากปีก่อน แต่ภูมิภาคที่มีการเติบโตมากที่สุดตกเป็นของทวีปอเมริกาที่ทำได้ 232 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 163% ตามมาด้วยตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น 129% จากปี 2020
Patrizio Bertelli ซีอีโอของ Prada Group กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นที่เรามีต่อแบรนด์ทั้งหลายของเราและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่งในหลากหลายตลาดและหมวดหมู่สินค้า”
ถือว่าสถานการณ์ของ Prada เริ่มกลับมาอยู่ในแดนบวกอีกครึ่งหลังจากที่เผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากของปี 2020 เช่นเดียวกับแบรนด์อื่นๆ หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นผลมาจากคอลเล็กชัน Spring/Summer 2021 ทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งเป็นคอลเล็กชันแรกที่ได้ Raf Simons มาเป็นโคครีเอทีฟไดเรกเตอร์ร่วมกับ Miuccia Prada ได้ฤกษ์ทยอยวางขาย รวมไปถึงโปรเจกต์ Prada Outdoor ป๊อปอัพสโตร์ในหลากหลายเมืองส่งท้ายครึ่งปีแรก ที่รวมสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ซื้อง่ายขายคล่องเอาไว้มากมาย
ภาพ: Jeremy Moeller/Getty Images
อ้างอิง: