เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (26 กรกฎาคม) ตูนิเซีย ประเทศทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา กำลังเผชิญกับบททดสอบในระบอบประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุดหลังการปฏิวัติ ‘อาหรับสปริง’ ในปี 2011 หลังจาก กาอิส เซอิด ประธานาธิบดีตูนิเซียใช้อำนาจฉุกเฉินในรัฐธรรมนูญสั่งปลด ฮิเชม เมชิชี นายกรัฐมนตรี และระงับการประชุมรัฐสภาเป็นเวลา 30 วัน ภายใต้ความช่วยเหลือจากกองทัพ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกพรรคการเมืองหลักของประเทศซึ่งรวมถึงพรรคอิสลามประณามว่าเป็นการทำรัฐประหาร
เซอิดยังขยายมาตรการที่มีอยู่บางอย่างเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งรวมถึงเคอร์ฟิวและการห้ามเดินทางภายในประเทศ แต่มาตรการเหล่านี้ก็จะส่งผลกระทบต่อการต่อต้านตามท้องถนนเช่นกัน เขายังไม่ระบุว่าจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือยกเลิกการใช้อำนาจฉุกเฉินเมื่อใด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคำสั่งของเซอิดมีขึ้นภายหลังจากมีภาวะชะงักงันและข้อขัดแย้งระหว่างเขากับนายกรัฐมนตรีเมชิชีมาเป็นเวลานานหลายเดือน นอกจากนี้ตูนิเซียยังเผชิญกับปัญหาการเมืองขาดเสถียรภาพ ปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น การว่างงาน โครงสร้างพื้นฐาน การขาดดุลงบประมาณ การชำระหนี้ ตลอดจนปัญหาการระบาดของโควิด ซึ่งตูนิเซียมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดเป็นสถิติไปเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ 300 คนในรอบ 24 ชั่วโมง เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดในภูมิภาค และอัตราการฉีดวัคซีนก็ค่อนข้างช้า โดยมีประชากรเพียงร้อยละ 7 จากประชากรทั้งหมดกว่า 11.7 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
คำสั่งของเซอิดยังมีขึ้นหลังจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 กรกฎาคม) ผู้คนหลายพันคนทั่วประเทศออกมาเดินขบวนประท้วงต่อการรับมือโควิดของรัฐบาล ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อ และปัญหาเศรษฐกิจ Reuters ยังรายงานว่าผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลกันลงถนนอย่างรวดเร็วเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของเซอิด และสะท้อนความโกรธไปยังรัฐบาลและพรรคเอนนาห์ดาซึ่งเป็นพรรคอิสลามสายกลาง ตลอดจนเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐสภาและมีบทบาทสำคัญในรัฐบาลผสม อีกด้านหนึ่ง BBC รายงานว่าความวุ่นวายยังคงดำเนินมาถึงในเช้าวันจันทร์ เมื่อมีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเอนนาห์ดาปะทะกับกลุ่มผู้สนับสนุนการตัดสินใจของประธานาธิบดีเซอิด และมีการขว้างปาก้อนหินใส่กันนอกอาคารรัฐสภาที่ถูกวางกำลังทหารป้องกันเอาไว้ และคนทำงานบางส่วนยังถูกทหารกันไม่ให้เข้าไปในอาคารของราชการบางแห่งด้วย
ทั้งนี้เซอิดระบุว่าการต่อต้านที่รุนแรงใดๆ จะถูกใช้กำลังตอบโต้ เขายืนยันว่ามาตรา 80 ของรัฐธรรมนูญให้อำนาจเขาในการปลดรัฐบาล แต่งตั้งผู้บริหารชั่วคราว ระงับการประชุมรัฐสภา และยกเลิกความคุ้มกันของสมาชิกรัฐสภาได้ อย่างไรก็ตาม Reuters ระบุว่าการใช้มาตรานี้ต้องปรึกษากับนายกรัฐมนตรีและโฆษกรัฐสภา ซึ่งโฆษกรัฐสภาที่เป็นบุคคลระดับผู้นำของพรรคเอนนาห์ดาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกขอคำปรึกษา ส่วนเมชิชียังไม่มีถ้อยแถลงต่อสาธารณะและยังไม่ปรากฏตัว แม้รายงานจากแหล่งข่าวจะระบุว่าเขาอยู่ที่บ้านและไม่ถูกจับก็ตาม นอกจากนี้กรณีนี้ยังต้องอาศัยการอนุมัติโดยศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยังไม่มีการจัดตั้งศาลดังกล่าวในขณะนี้
ท่าทีของโฆษกรัฐสภาจากพรรคเอนนาห์ดายังประณามการกระทำของเซอิดว่าเป็นการทำร้ายระบอบประชาธิปไตย และเรียกร้องให้ชาวตูนิเซียร่วมประท้วงบนท้องถนน ด้านพรรคการเมืองหลักในสภาอีกสองพรรคเข้าร่วมกับพรรคเอนนาห์ดาในการกล่าวหาเซอิดว่ากระทำการรัฐประหาร ส่วนพันธมิตรในภูมิภาคอย่างตุรกีก็ประณามการเคลื่อนไหวของเซอิดว่าเป็นการทำรัฐประหารเช่นกัน
ภาพ: Monasse Th / Andia/Universal Images Group via Getty Images
อ้างอิง:
