ยอมรับตามตรงว่า แค้นรักสลับชะตา เป็นละครนอกสายตาที่ผู้เขียนไม่เคยคิดจะดูตั้งแต่เห็นทีเซอร์ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องราวสลับร่างสลับตัวเกร่อๆ ที่ได้ดูกันบ่อยๆ จะแปลกใหม่สักหน่อยคือการสร้างความเชื่อมโยงให้ร่างหนึ่งเจ็บ อีกร่างก็เจ็บด้วยแค่เท่านั้น แต่พอได้ดูสัก 2-3 ตอน บอกได้เลยว่าละครเรื่องนี้เป็นละครที่สนุกที่สุดในรอบครึ่งปีแรกของช่อง 3 และก็คงไม่ได้คิดไปแค่คนเดียว เพราะวัดจากตัวเลขเรตติ้งระดับเลข 4 ยอดวิวระดับหลักล้านในแพลตฟอร์มออนไลน์ และขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ในช่วงเวลาที่ออกอากาศ ทั้งๆ ที่นักแสดงไม่ได้มีฐานแฟนคลับมหาศาล ก็พอจะการันตีความดีงามของละครเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง
วัท (อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ) และ เตช (กระทิง-ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์)
แค้นรักสลับชะตา ว่าด้วยเรื่องราวการสลับร่างระหว่าง วัท (อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ) นักแสดงตกอับผู้มีชีวิตวนเวียนอยู่กับยาเสพติดจากบาดแผลในใจวัยเด็ก กับ เตช (กระทิง-ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์) ไฮโซหนุ่มโปรไฟล์ดี ผู้มีชีวิตดีพร้อมทุกอย่าง เตชในร่างวัทพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาชีวิตของตัวเองคืนมา โดยได้รับความช่วยเหลือจาก จินนี่ (น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์) แฟนของวัท ในขณะที่วัทในร่างเตชพยามที่จะขโมยชีวิตดีๆ ของเตช รวมไปถึง หมอกุล (บัว-นลินทิพย์ อ่องอำไพ) แฟนสาวของเตชด้วย
กลายเป็นการต่อสู้ของสองชีวิต สาวลึกไปถึงสาเหตุของการสลับร่างซึ่งเชื่อมโยงไปยังรุ่นพ่อแม่คือ ธนภพ (อ่ำ-อัมรินทร์ นิติพน) และ ฐิติยา (ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน) พ่อแม่ของเตช และ สุนัย (ชาย-ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ) พ่อของวัท จนกระทั่งในตอนจบก็เฉลยว่า ‘แค้นรัก’ ที่เป็นสาเหตุให้ ‘สลับชะตา’ เป็นความรักของใคร ถ้าอ่านจากเรื่องย่อก็อาจจะดูไม่ค่อยมีอะไรใหม่ แต่เพราะความใส่ใจในรายละเอียด ใส่เหตุและผลให้ตัวละครทุกตัว รวมทั้งการวางปมในแต่ละอีพีให้น่าติดตาม จึงทำให้คนดูติดหนึบและอินไปกับทุกตัวละครแบบ ‘ถึงไม่รักก็เกลียดไม่ลง’
ธนภพ (อ่ำ-อัมรินทร์ นิติพน) และฐิติยา (ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน) ในบทพ่อแม่ของเตช
สุนัย (ชาย-ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ) พ่อของวัท
ส่วนตัวผู้เขียนชอบในแง่การพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่มีปัญหาแบบปุถุชนคนธรรมดาก็เคยเจอ ทั้งในแบบ Toxic Relationship และความสัมพันธ์แบบ Too Perfect คือมองจากคนวงนอกทุกอย่างดูสมบูรณ์ แต่จริงๆ แล้วภายในคุกรุ่นรอระเบิดในสักวัน
คนขาดกับคนขาดมาพบกันก็ใช่ว่าจะเติมเต็มกันและกัน อย่างคู่วัทกับจินนี่ที่เรียกได้ว่าเป็น Toxic Relationship แบบเต็มๆ คือคบกันก็มีแต่จะตกต่ำลง เพราะเป็นเหมือนคนหลงทางและขาดความรักด้วยกันทั้งคู่
วัท (อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ) และ จินนี่ (น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์)
จินนี่เองเป็นลูกสาวที่แม่ทุ่มเทความรักให้กับลูกชาย จนมองว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า แม้ภายในจะเป็นคนจิตใจดี แต่ทำดีเท่าไรก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมา เมื่อวัทเข้ามาในชีวิต จึงผูกติดตัวเองไว้กับแฟนและปล่อยให้ชีวิตไหลลงต่ำอย่างไร้ทิศทาง ความสัมพันธ์มีแต่เซ็กซ์และความรุนแรง ทั้งๆ รู้ว่าความสัมพันธ์ไม่ดีแต่ก็ทนอยู่ เพราะคิดว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่คนดีๆ จะมารัก
ส่วนวัทเองก็เป็นผลผลิตที่ผุพังจากความเกลียดชัง เขาไม่เคยได้รับความรักจากพ่อ ไม่รู้ว่ารักคืออะไร และไม่รู้ว่าจะแสดงความรักกับคนอื่นอย่างไร จนคิดว่าเซ็กซ์คือตัวแทนของความรัก อย่างที่จินนี่เคยบอกเตชในร่างวัทว่า เวลางอนกัน “ไอ้วัทก็ลากฉันขึ้นเตียง แล้วฉันก็หายโกรธ” หรือตอนที่วัทในร่างเตชจะล่วงเกินหมอกุลแล้วถูกปฏิเสธ ซึ่งสร้างความเจ็บปวดทางใจให้กับเขามากกว่าคนปกติ เพราะเซ็กซ์ในความคิดของวัทคือการยอมรับและการได้รับความรักตอบแทน
ตัววัทเองก็ไม่ได้รักจินนี่ แต่เมื่อรู้ว่าจะเสียเธอไปก็ยังอยากเก็บจินนี่ไว้ ไม่ใช่เพราะรักแต่เพราะเป็นความสัมพันธ์เดียวที่เขามี แม้มันจะไม่มีอะไรดีเลยก็ตาม
ขณะที่คู่วัทกับจินนี่ไม่กล้าเลิกกันเพราะกลัวหาคนที่ยอมรับของเสียของตัวเองไม่ได้ คู่ของเตชกับหมอกุลกลับไม่กล้าเลิกกันเพราะกลัวจะหาคนที่ดีกว่าไม่ได้ ทั้งเตชและหมอกุลเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเหมือนกิ่งทองใบหยก ภายนอกอาจจะดูดี แต่ภายในมันคือความทะลักล้นของคนไร้ที่ติมาเจอกัน
ทั้งคู่มีทางที่คิดว่าดีในแบบของตัวเอง และพยายามที่จะให้คนอีกคนมาอยู่บนเส้นทางที่ตัวเองขีดไว้ ความสัมพันธ์จึงเต็มไปด้วยแรงเสียดทานเล็กๆ น้อยๆ แต่ค่อยๆ สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพแสนหวานที่คนอื่นได้เห็น เกิดจากความกดทับความต้องการที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ การที่หมอกุลปฏิเสธการขอแต่งงานของเตชก็อาจเป็นเพราะเธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์นี้ไม่มีอะไรจริงอยู่เลย
เตชและหมอกุล (บัว-นลินทิพย์ อ่องอำไพ)
ผู้เขียนชอบฉากบอกเลิกกันของคู่นี้ คือค่อยๆ ทบทวนความรู้สึกที่มีต่อกัน ค่อยๆ เห็นข้อบกพร่องอย่างละนิดอย่างละหน่อย แม้จะไม่ได้มีเรื่องใหญ่ขนาดต้องโวยวายเอ็ดตะโร แต่ละเรื่องกลับเป็นเรื่องสำคัญ แม้จะมีความอาลัยอาวรณ์ที่ต้องปฏิเสธคนดีๆ แต่ในเมื่อมันไม่ใช่ก็ต้องยอมให้ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีของมัน นอกจากเตชและวัทจะสลับชะตาในตอนท้ายของเรื่อง ยังสลับคนรักกันด้วย ซึ่งกลับเป็นความลงตัวเหมือนแม่เหล็กขั้วบวกขั้วลบ แม้จะแตกต่างแต่ก็ดึงดูดกัน ถึงจะดูไม่คู่ควร แต่ในเรื่องความสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องหาคนดีที่สุด เพราะคนที่ใช่ที่สุดสำคัญยิ่งกว่า
แค้นรักสลับชะตา เพิ่งจบไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 กรกฎาคม) ด้วยเรตติ้งเกือบ 4.5 สำหรับใครที่เคยมองข้ามไปก็อยากให้เข้าไปดูย้อนหลังที่แอปพลิเคชัน Ch3Plus เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งความบันเทิงแก้เบื่อช่วงล็อกดาวน์ระลอกใหม่ได้แน่นอน