*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์ Loki
นอกจากเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมทั่วโลก อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ส่งให้จักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe) กลายเป็นจักรวาลภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามคือ เหล่า ‘ตัวร้าย’ ที่ถูกออกแบบคาแรกเตอร์มาเป็นอย่างดี และมีมิติที่โดดเด่นไม่แพ้ฝังฮีโร่ (จนบางเรื่องก็มาเพื่อแย่งซีนเหล่าฮีโร่อีกต่างหาก) และเราเชื่อว่าในบรรดาตัวร้ายจากจักรวาล MCU ชื่อของเทพจอมเจ้าเล่ห์อย่าง โลกิ (ทอม ฮิดเดิลสตัน) จะต้องติดท็อป 10 ตัวร้ายที่ผู้ชมต่างหลงรักอย่างแน่นอน
และดูเหมือนว่า Loki ออริจินัลซีรีส์เรื่องล่าสุดจาก Marvel Studios จะกำลังทำหน้าที่พาผู้ชมไปสำรวจแง่มุมอีกด้านของเทพจอมเจ้าเล่ห์ที่เราอาจไม่เคยสัมผัส
Loki บอกเล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ใน Avenger: End Game (2019) หลังจากที่ โลกิ ใช้เทสเซอร์แรกต์พาตัวเองหนีจากการจับกุมของทีมอเวนเจอร์ได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าการหลบหนีของเขาจะจบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อองค์กร TVA ผู้ทำหน้าที่ปกป้องเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ ได้ปรากฏตัวขึ้น และจับกุมเขาในฐานะ ‘ตัวแปร’ ที่ละเมิดเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์
แต่ในระหว่างที่โลกิกำลังถูกเจ้าหน้าที่ เรนสเลเยอร์ (กูกู เอ็มบาธา-รอว์) สอบสวน โมเบียส (โอเวน วิลสัน) หนึ่งในเจ้าหน้าที่ TVA ก็ปรากฏตัวขึ้น และพาตัวโลกิไปเข้าร่วมทีมสืบสวน โดยหวังว่าโลกิจะช่วย TVA ตามจับ ซิลวี (โซเฟีย ดี มาร์ติโน) โลกิหญิงจากจักรวาลคู่ขนานที่กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์
Loki นับว่าเป็นออริจินัลซีรีส์เรื่องที่ 3 จาก Marvel Studios ที่เข้าฉายทาง Disney+ (สำหรับบ้านเราคือ Disney+ Hotstar) ต่อจาก 2 ผลงานก่อนหน้า อย่าง WandaVision และ The Falcon and the Winter Soldier ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าซีรีส์ทั้ง 3 เรื่อง ต่างกำลังทำหน้าที่ปลุกปั้นให้จักรวาล MCU เฟสที่ 4 ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปูพื้นฐานให้ผู้ชมทำความรู้จักกับ ‘จักรวาลคู่ขนาน’ ที่จะกลายเป็นแกนหลักสำคัญของจักรวาล MCU ในอนาคต รวมถึง ‘ตัวร้ายใหม่’ ที่จะมาเป็นคู่ต่อกรกับเหล่าฮีโร่ต่อจาก ธานอส
จะว่าไปแล้ว นี่ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของ Disney+ ที่แข็งแกร่งมากๆ ในแง่การดึงดูดให้ผู้ชมเข้ามาเป็นสมาชิก เพื่อติดตามคอนเทนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของ Marvel Studios โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรื่องราวของซีรีส์ต่างมีความเชื่อมโยงกับหนังโรงในอนาคต
ดังนั้นหากใครก็ตามที่อยากจะติดตามเรื่องราวของจักรวาล MCU แบบห้ามตกหล่น ก็จำเป็นต้องสมัคร Disney+ เพื่อเข้ามาเก็บชิ้นส่วนของ MCU ให้ครบถ้วน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมบางส่วนที่อาจจะไม่ได้ติดตามผลงานในเครือ Disney มาก่อน เช่น ผลงานแอนิเมชันจาก Walt Disney Animation Studios หรือผลงานจากจักรวาล Star Wars ได้ลองรับชม
อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็นของจักรวาลคู่ขนานที่ทำให้ผู้ชมต่างตื่นเต้น ซีรีส์ Loki ยังมีองค์ประกอบอีกหลายส่วนที่เชื้อเชิญให้ผู้ชมเฝ้าติดตาม
หากย้อนกลับไปในหนังเรื่องก่อนๆ อย่าง Thor ทั้ง 3 ภาค และ The Avengers (2012) เราจะรู้จักโลกิในฐานะของเทพจอมเจ้าเล่ห์ที่มาพร้อมกับแผนการร้ายสารพัด และไม่ลังเลที่จะหักหลังทุกคนเพื่อเอาตัวรอด ขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นแง่มุมที่อ่อนไหวของโลกิ เมื่อเขาต้องสูญเสีย ฟริกก้า (เรเน รุสโซ) ผู้เป็นแม่บุญธรรมไป
ตัดสลับมาที่ซีรีส์ Loki ซึ่งกำลังบอกเล่าเรื่องราวของโลกิในอีกจักรวาลหนึ่ง จุดเด่นที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าสนใจมากๆ คือการพาผู้ชมไปสำรวจแง่มุมใหม่ๆ ของโลกิที่เราอาจยังไม่เคยรู้จัก ตั้งแต่โลกิในช่วงต้นเรื่องที่ยังมีความหยิ่งทะนงในตัวเอง และการให้ความร่วมมือกับโมเบียสและองค์กร TVA อย่างเต็มที่ เพื่อหวังว่าจะได้เข้าใกล้ผู้ก่อตั้งองค์กร TVA
จนกระทั่งโลกิได้มาพบกับซิลวี ซึ่งเป็นตัวตนของโลกิในอีกจักรวาลหนึ่งที่ถูกองค์กร TVA ตามล่ามาตั้งแต่เด็ก และทำให้เธอต้องเติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยว พร้อมแบกรับความแค้นที่องค์กร TVA พรากชีวิตที่ควรจะเป็นไปจากเธอ
พฤติกรรมและความคิดของโลกิก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งความตั้งใจที่อยากจะช่วยซิลวีเพื่อแก้แค้นองค์กร TVA รวมถึงความตั้งใจที่อยากจะช่วยโมเบียสและเจ้าหน้าที่ TVA ได้รู้ความจริงว่าทุกคนกำลังถูกหลอกใช้
ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะโลกิเข้าใจความรู้สึกที่ซิลวีกำลังเผชิญมากกว่าใคร ขณะเดียวกันในทุกฉากทุกตอนที่โลกิสนทนากับซิลวี ก็อาจเปรียบได้กับการที่เขากำลัง ‘พูดคุยและทำความเข้าใจตัวเอง’ ไปพร้อมกัน ทั้งหมดนี้จึงนำมาสู่บทสนทนาสุดท้ายที่เราได้ชมกันในตอนที่ 6
“ข้าก็เคยเป็นเหมือนเจ้า เข้าใจหัวอกของเจ้า อย่าถามว่ารู้ได้อยางไร ข้ารู้แค่ว่าข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ข้าแค่อยากให้เจ้ามีชีวิตที่ดี”
ซีรีส์ Loki กำลังสะท้อนประเด็นบางอย่างผ่านความสัมพันธ์ของโลกิและซิลวี ซึ่งเราอาจตีความได้ว่า การได้ลองมานั่งคุยกับตัวเองเพื่อทบทวนและทำความเข้าใจตัวตนของตัวเองอย่างถี่ถ้วน อาจเป็นก้าวแรกที่มั่นคงของการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เพราะคงไม่มีใครที่จะเข้าใจและรักตัวตนของเราได้เท่ากับตัวเราเอง
ภาพ:
- Marvel Studios