วันนี้ (18 กรกฎาคม) กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย และ Tony Woodsome ออกจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 (ศบค.) เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด โดยมีใจความดังนี้
จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด ที่เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ลุกลามไปทั่วโลก ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศแรกในโลกที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสนอกพื้นที่ดังกล่าว สามารถรับมือกับโรคระบาดในระยะแรกได้เป็นอย่างดีด้วยระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง จนได้รับคำชื่นชมในระดับนานาชาติ อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอีกหลายระลอก และเป็นสถานการณ์รุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะในด้านสุขภาวะและเศรษฐกิจ
กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ได้เฝ้าสังเกตการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดและการบริหารจัดการของรัฐบาลในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้อย่างใกล้ชิด มีความเห็นว่า แม้รัฐบาลจะมีความพยายามรับมือกับสถานการณ์ แต่กลับเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การบริหารจัดการของรัฐบาลมีข้อบกพร่องและมีความไม่ชัดเจนในหลายทิศทาง เสมือนไม่เข้าใจวิธีบริหารจัดการวิกฤตและมีความเข้าใจผิดพลาดบางประการเกี่ยวกับการควบคุมโรคติดต่อ
กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ในฐานะกลุ่มระดมความคิดและความรู้เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทย เห็นว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นและการบริหารจัดการของรัฐบาลมีความน่าเป็นห่วง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวไทย จึงได้รวบรวมข้อเสนอแนวคิดการบริหารจัดการจากผู้เชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน รวมถึงข้อคิดและข้อเสนอของ Tony Woodsome จากการร่วมสนทนาใน CARE Clubhouse เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เพื่อร่วมหาทางออกให้แก่พี่น้องประชาชนต่อรัฐบาลดังต่อไปนี้
ประเด็นด้านการบริหารจัดการ 8 ข้อ
- ยกเลิกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 (ศบค.) แล้วให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดการสถานการณ์หลัก และทำงานร่วมกับกระทรวงอื่น ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรีโดยตรง
- ลดขั้นตอนแบบระบบราชการ สร้างความรวดเร็วและทันท่วงทีในการแก้ไขปัญหาเชิงรุก
- สื่อสารความจริงกับประชาชนอย่างเป็นเอกภาพ รอบด้าน และตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่องยุทธศาสตร์การจัดการสถานการณ์วิกฤต เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันและลดความตื่นตระหนกของประชาชน
- บริหารจัดการอย่างสมดุลทั้งสาธารณสุขและเศรษฐกิจในมาตรฐานที่ดีทัดเทียมกับอารยประเทศ
- ปูพรมตรวจคัดกรองเชิงรุก แยกกักตัวผู้ป่วยที่บ้านและชุมชน ติดตามผู้สัมผัส ขยายพื้นที่การรักษาพยาบาลผู้ป่วยหนัก รีบจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและยารักษาโรคที่ได้ผล
- ยกเลิกการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง และกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและภูมิภาคร่วมบริหารจัดการและรับมือการแพร่ระบาด
- ออกมาตรการบำรุงขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- ปรับค่ายทหาร โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่สีแดงเข้ม เป็นโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม เพื่อรองรับผู้ป่วยให้เพียงพอ
ประเด็นด้านการจัดการวัคซีนและยารักษา 8 ข้อ
- วางยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการวัคซีนที่ชัดเจน
- เร่งรัดจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้ประชาชนอย่างเพียงพอและทั่วถึง
- เปิดสัญญาและชี้แจงข้อตกลงในสัญญาการจัดซื้อจัดหาวัคซีนทุกชนิดเพื่อความโปร่งใส
- ควบคุมราคาวัคซีนทางเลือกในราคาต่ำที่สุดเพื่อลดภาระประชาชน
- นำวัคซีน Pfizer 1.5 ล้านโดสจากสหรัฐอเมริกา หรือวัคซีน mRNA อื่น ที่รัฐจัดหามาได้เบื้องต้นฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อน
- นำเสนอผลการศึกษาวิจัยการฉีดวัคซีนข้ามประเภทที่ได้มาตรฐานทางวิชาการและมีผลการทดสอบอย่างรอบคอบ ก่อนนำมาฉีดให้กับประชาชน
- เปิดเจรจาระดับผู้นำประเทศเพื่อขอยืมแลกเปลี่ยนวัคซีนกับต่างประเทศที่มีวัคซีนสำรองจำนวนมากมาใช้ก่อนแล้วคืนในภายหลัง
- ส่งเสริมการใช้สารสกัด Andrographolide จากสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีผลการวิจัยรองรับอย่างเร่งด่วน โดยรีบจัดหาให้กับผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยและผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง เพื่อลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดโควิด
ประเด็นด้านการตรวจคัดกรอง 4 ข้อ
- เปิดให้มีการนำเข้าหรือจัดหาชุดตรวจเร็ว (Rapid Antigen Test) หรือชุดตรวจประเภทอื่น ให้เพียงพอและกระจายอย่างทั่วถึง
- ควบคุมราคาหรือลดอัตราภาษีนำเข้าชุดตรวจเร็วให้มีราคาต่ำที่สุด เพื่อลดภาระประชาชน
- เพิ่มและกระจายจุดตรวจคัดกรองโควิดให้เพียงพอ เพื่อลดความแออัดของประชาชน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่สีแดงเข้ม
- เปิดรับอาสาสมัครประจำจุดตรวจในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อให้มีบุคลากรเพียงพอต่อการขยายหรือเพิ่มจุดตรวจคัดกรอง
ประเด็นด้านเศรษฐกิจ 4 ข้อ
- ออกมาตรการเยียวยาทันทีที่มีประกาศคำสั่งซึ่งส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประชาชน
- ออกมาตรการเยียวยาที่ทั่วถึง เพียงพอ และเป็นธรรมต่อประชาชนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจไม่ว่าจะปิดหรือเปิดทำการ
- ก่อนเปิดการท่องเที่ยวในบางพื้นที่ ผู้ประกอบการ ผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ควรได้รับวัคซีนที่ได้มาตรฐานและทั่วถึง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
- จัดสรรเงินจาก พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท อย่างมียุทธศาสตร์ เพื่อหยุดการระบาดของโรคให้เร็วที่สุด และฟื้นฟูธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ เช่น ร้านอาหาร สปา โรงแรม ฯลฯ
กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเสนอแนะดังกล่าวจะมีประโยชน์ต่อรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์วิกฤตที่เกิดจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสำคัญ