รู้จักรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท และคนไทยนิยมใช้แค่ไหน

ไม่มีใครปฏิเสธว่ารถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกจากการพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเติบโตและมีข้อดีชนะรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่นับรวมเรื่องสิ่งแวดล้อมที่รถยนต์ไฟฟ้าตอบโจทย์เรื่องนี้มาตั้งแต่เริ่มแรก แต่รถยนต์ไฟฟ้านั้นยังแบ่งได้หลายประเภทตามลักษณะการทำงานที่ต่างกัน

รถยนต์ไฟฟ้าคือยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่

รถยนต์ไฟฟ้า HEV: ใช้เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนทำให้แบตเตอรี่มีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถเปลี่ยนพลังงานที่เสียจากการเบรกกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้ประหยัดน้ำมัน และในบางรุ่นยังช่วยเสริมแรงบิดให้กับเครื่องยนต์ หรือที่เรียกกันว่ารถยนต์ไฮบริด

รถยนต์ไฟฟ้า PHEV: รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ลักษณะการทำงานคล้ายรถยนต์ไฮบริด แต่มีระบบชาร์จไฟจากภายนอกเพิ่มเติมเข้ามา ทำให้มีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า สามารถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนได้ไกลว่า ผลที่ได้คือประหยัดน้ำมันกว่ารถยนต์ไฮบริด เสริมแรงบิดเครื่องยนต์ได้ดีกว่า แต่มีราคาสูงกว่ารถยนต์ไฮบริด

รถยนต์ไฟฟ้า BEV: ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แต่ผู้ผลิตบางรายอาจติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็กทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้าสู่แบตเตอรี่เพื่อเพิ่มระยะทางในการใช้งาน

รถยนต์ไฟฟ้า FCEV: ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว แต่พลังงานไฟฟ้าผลิตจากก๊าซไฮโดรเจนภายในรถยนต์ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ และปล่อยน้ำออกสู่อากาศ แต่รถยนต์ชนิดนี้ยังไม่ถูกพัฒนาออกมาทำตลาดอย่างจริงจัง

ส่วนความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยก็เริ่มเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ แต่โดยภาพรวมก็ยังถือว่าได้รับความนิยมน้อยกว่ารถยนต์แบบเครื่องยนต์สันดาปภายในพอสมควร โดยข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน สะสมถึงปี 2564 (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2564) มีจำนวนรวม 10,743,614 คัน ขณะที่รถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด (HEV/PHEV) สะสม 206,631 คัน และรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 3,295 คัน