1 กรกฎาคม 2021 คือ วาระการเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ศตวรรษของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่เพียงแต่สายตาของประชานจีนเท่านั้นที่จับจ้องไปที่พิธีการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน หากแต่ทั่วโลกก็จ้องมองปรากฏการณ์ครั้งสำคัญนี้เช่นกัน
นอกจากการชื่นชม การแสดงความยินดี และการเฉลิมฉลองด้วยการนำประชาชนมากกว่า 70,000 มารวมตัวกัน ณ ใจกลางกรุงปักกิ่ง โดยที่ทุกคนไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากาก อันเป็นการประกาศให้โลกรับรู้อีกครั้งว่าจีนสามารถเอาชนะโควิดได้แล้วอย่างเป็นทางการ สิ่งที่ทั่วโลกต้องการรับชมและรับฟังมากที่สุดคือคำปราศรัยของเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และผู้นำประเทศรุ่นที่ 5 อย่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ซึ่งใจความสำคัญของคำปราศรัยสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ส่วนดังนี้
ส่วนแรกของคำปราศรัยคือการประกาศความสำเร็จของ 100 ปีแรกของการสถาปนาพรรค และการกำหนดเป้าหมายในศตวรรษที่ 2
“เราได้ตระหนักถึงเป้าหมาย 100 ปีแรกในการสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองในระดับปานกลางในทุกมิติ (Moderate Prosperous Society in All Respects)” โดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิงย้ำถึงความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จ (Absolute Poverty) ในจีน ไม่มีคนจีนที่มีชีวิตความเป็นอยู่ใต้เส้นขีดความยากจนอีกต่อไป และเขายังประกาศถึงเป้าหมายว่าประเทศจีน “กำลังเดินหน้าอย่างมั่นใจสู่เป้าหมาย 100 ปีที่สอง ด้วยการสร้างจีนให้กลายเป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในทุกมิติ (A Great Modern Socialist Country in All Respects)”
จากนั้นในช่วงที่ 2 ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวถึงความเป็นชาติที่มีรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่รุ่งเรืองต่อเนื่องยาวนานกว่า 5,000 ปีของจีน และจุดเริ่มต้นของศตวรรษแห่งความอัปยศอดสู หลังจากจีนแพ้สงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ในปี 1840 และหลังจากนั้นก็กลายเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของประชาชนจีนทุกคนในการร่วมกันต่อสู้เพื่อให้จีนหลุดพ้นจากสภาวะดังกล่าว สีจิ้นผิงกล่าวถึงการต่อสู้ในคราวกบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว (Taiping Heavenly Kingdom Movement), การปฏิรูป 100 วัน (The Reform Movement of 1898), กบฏนักมวย (The Yihetuan Movement), และการปฏิวัติซินไฮ่ (The Revolution of 1911) ซึ่งทั้งหมดจบลงด้วยความล้มเหลว
หากแต่ในช่วงเวลาต่อมา ภายหลังการปฏิวัติสังคมนิยมแห่งเดือนตุลาคมอันยิ่งใหญ่ (Russia’s October Revolution 1917) พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้รับการสถาปนาขึ้นในปี 1921 บนแนวคิด Marxist-Leninist และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ภารกิจประวัติศาสตร์เพียงสิ่งเดียวที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมุ่งมั่นที่จะทำให้ลุล่วง (One Ultimate Theme) คือ ‘การฟื้นฟู (Rejuvenation) ความยิ่งใหญ่ของชนชาติจีนให้กลับมาอีกครั้ง’ โดยคำว่า ฟื้นฟู หรือ Rejuvenation เป็นคำสำคัญ (Keyword) ของคำปราศรัยในครั้งนี้ เพราะมีการกล่าวซ้ำมากถึง 26 ครั้ง ตลอดคำปราศรัยขนาด 14 หน้ากระดาษ
โดยหนทางที่จะทำให้ภารกิจประวัติศาสตร์ดังกล่าวสำเร็จได้คือ การยึดมั่นในอุดมการณ์สังคมนิยมอัตลักษณ์จีน (Socialism with Chinese Characteristics) ซึ่งสีจิ้นผิงขยายความว่า คือ การเปลี่ยนผ่านจากระบบเศรษฐกิจที่วางแผนจากส่วนกลางอย่างเข้มข้น ไปสู่ระบบสังคมนิยมที่ผสมผสานกลไกตลาดอันเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา (From a highly centralized planned economy to a socialist market economy brimming with vitality)
ส่วนที่ 3 ของคำปราศรัย คือการกล่าวคำขอบคุณผู้นำและบุคคลสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเขาเริ่มต้นจากการรำลึกและกล่าวคำสำนึกในบุญคุณของผู้นำที่ผ่านมาทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ เหมาเจ๋อตง, เติ้งเสี่ยวผิง, เจียงเจ๋อหมิน และหูจิ่นเทา แล้วจึงกล่าวถึงบุคคลสำคัญ อันได้แก่ โจวเอินไหล อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีน และคือคนที่ชาวจีนยกย่องบูชามากที่สุด, หลิวเซ่าฉี อดีตประธานสภานิติบัญญัติคนแรก และหนึ่งในมันสมองของการปฏิวัติ, จูเต๋อ หนึ่งในสิบจอมพลแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชน และผู้นำกองทัพในการรบกับญี่ปุ่น และ เฉินหวิน ที่ปรึกษาคนสำคัญของเติ้งเสี่ยวผิง และได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกผู้ออกแบบการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน (อ่านเพิ่มเติม ประวัติศาสตร์พัฒนาการเศรษฐกิจจีนได้จากบทความ ถอดบทเรียน 70 ปี สาธารณรัฐประชาชนจีน: จากศตวรรษแห่งความอัปยศอดสู สู่ China Corp (https://thestandard.co/70th-anniversary-of-the-peoples…/) ) และ ถ้าไม่มีโจว เอินไหล… ก็ไม่มีมหาอำนาจจีนในวันนี้ (https://www.the101.world/in-remembrance-of-zhou-enlai/) )
แต่สีจิ้นผิงก็กล่าวต่อไปว่า ผู้ที่พรรคต้องการแสดงการคารวะอย่างสูงสุด คือ แรงงาน เกษตรกร และผู้นำภูมิปัญญาของจีนที่กระจายตัวกันอยู่ในทุกหนแห่งทั่วประเทศจีน ที่สำคัญยังกล่าวต่อไปด้วยว่า “ผมขอส่งคำทักทายอย่างจริงใจไปยังเพื่อนร่วมชาติในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า และในไต้หวัน รวมถึงชาวจีนโพ้นทะเล และผมอยากจะแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อผู้คนและเพื่อนๆ จากทั่วโลกที่ได้แสดงมิตรภาพต่อชาวจีน ความเข้าใจ และการสนับสนุนสำหรับความพยายามของจีนในการปฏิวัติ การพัฒนา และการปฏิรูป”
ส่วนที่ 4 ซึ่งน่าจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด และทุกคนต้องการรับรู้รับทราบคือ การนำเสนอวิสัยทัศน์ในการเดินหน้าประเทศจีนสู่ศตวรรษที่ 2 ของจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งสีจิ้นผิงได้นำเสนอหลักการ 9 ข้อ อันได้แก่
1. เราต้องรักษาความเป็นผู้นำที่มั่นคงของพรรคคอมมิวนิสต์ “We must uphold the firm leadership of the Party.”
2. เราต้องสามัคคีและนำพาคนจีน ด้วยการทำงานอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น “We must unite and lead the Chinese people in working ceaselessly for a better life.”
3. เราต้องปรับลัทธิมาร์กซ์ให้เข้ากับบริบทของจีนต่อไป “We must continue to adapt Marxism to the Chinese context.”
4. เราต้องสนับสนุนและพัฒนาสังคมนิยมอัตลักษณ์จีน “We must uphold and develop socialism with Chinese characteristics.”
5. เราต้องเร่งปรับปรุงการป้องกันประเทศและกองทัพให้ทันสมัย “We must accelerate the modernization of national defense and the armed forces.
6. เราต้องทำงานต่อไปเพื่อส่งเสริมการสร้างประชาคมของมวลมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกัน “We must continue working to promote the building of a human community with a shared future.” ซึ่งในการกล่าวถึงแนวทางการเดินหน้าของจีนในข้อนี้ ก็เป็นการยืนยันอีกครั้งว่า เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของจีนไม่ใช่การเป็นผู้จัดระเบียบโลก (Hegemon) หากแต่ต้องการอยู่ร่วมกับประเทศอื่นๆ ในประชาคมโลกอย่างสันติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คำกล่าวที่สื่อตะวันตกนำไปกล่าวถึงมากที่สุดในวาระนี้มาจากวรรคทองที่ว่า “พวกเราชาวจีนเป็นคนที่รักษาความยุติธรรม และจะไม่มีทางยอมรับการข่มขู่คุกคามด้วยกำลัง ในฐานะประเทศชาติ เรามีความภาคภูมิใจและความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า เราไม่เคยรังแก ข่มเหง หรือปราบปรามประชาชนในประเทศใดๆ และเราจะไม่ทำเช่นนั้นในอนาคต…ในทำนองเดียวกัน เราจะไม่ยอมให้กองกำลังต่างชาติกลั่นแกล้ง กดขี่ หรือปราบปรามเรา ใครก็ตามที่พยายามทำเช่นนั้น จะพบว่าตัวเองกำลังวิ่งบนเส้นทางที่พุ่งชนกับกำแพงเหล็กขนาดใหญ่ที่หล่อหลอมโดยชาวจีนกว่า 1.4 พันล้านคน” “We Chinese are a people who uphold justice and are not intimidated by threats of force. As a nation, we have a strong sense of pride and confidence. We have never bullied, oppressed, or subjugated the people of any other country, and we never will. By the same token, we will never allow any foreign force to bully, oppress, or subjugate us. Anyone who would attempt to do so will find themselves on a collision course with a great wall of steel forged by over 1.4 billion Chinese people.”
7. เราต้องต่อสู้กับภาวะชะงักงันและปัญหาต่างๆ ด้วยแนวคิดที่ร่วมสมัยและมีความหลากหลาย “We must carry out a great struggle with many contemporary features.”
8. เราต้องเสริมสร้างความสามัคคีที่ยิ่งใหญ่ของคนจีน “We must strengthen the great unity of the Chinese people.”
9.เราต้องเดินหน้าสร้างโครงการใหม่ที่ยิ่งใหญ่เพื่อสร้างสรรค์พรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อไป “We must continue to advance the great new project of Party building.”
และใจความสำคัญของคำปราศรัยในส่วนที่ 5 ซึ่งเชื่อว่านี่คือข้อความที่ทุกฝ่ายต้องจับตามอง นั่นคือการกำหนดท่าทีของสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อกรณีฮ่องกง และไต้หวัน
ต่อกรณีฮ่องกง สีจิ้นผิงกล่าวว่า เราจะยึดมั่นในลายลักษณ์อักษรและเจตนารมณ์ของหลักการ ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ ซึ่งชาวฮ่องกงปกครองฮ่องกง และชาวมาเก๊าปกครองมาเก๊า ทั้งสองมีสถานะการปกครองตนเองในระดับสูง…เราจะทำให้แน่ใจว่ารัฐบาลกลางจากแผ่นดินใหญ่จะใช้อำนาจในการปกครอง (Overall Jurisdiction) เหนือฮ่องกงและมาเก๊า และใช้หลักกฎหมายและกลไกการบังคับใช้กฎหมายสำหรับเขตปกครองพิเศษทั้งสองแห่ง เพื่อเป้าหมายในการปกป้องความมั่นคงของชาติ
นั่นหมายความว่า จีนจะควบคุมฮ่องกงและมาเก๊าอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในมิติการเมืองความมั่นคง ในขณะที่การปกครองตนเองยังคงเกิดขึ้นได้ในมิติอื่นๆ เช่น เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
ต่อกรณีไต้หวัน สีจิ้นผิงกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาไต้หวัน และการตระหนักถึงการรวมชาติอย่างสมบูรณ์ของจีนเป็นภารกิจทางประวัติศาสตร์ และเป็นความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันสั่นคลอนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน “เราต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อเอาชนะความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะทำให้เกิดแนวคิดการประกาศเอกราชของไต้หวัน และทำงานร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับการฟื้นฟูชาติ ไม่มีใครควรดูแคลนความตั้งใจ ความจริงใจ และความสามารถของประชาชนจีนในการปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนของตน”
ทั้งหมดของคำปราศรัยทำให้เราสามารถย้ำเตือนและยืนยันได้ว่า ความฝันของจีนที่ต้องการประเทศเดินหน้าไปสู่การเป็นประเทศสังคมนิยมอัตลักษณ์จีนที่สมัยใหม่และยิ่งใหญ่ในทุกมิติ มีการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจร่วมกับประชาคมโลก การยืนยันในหลักการจีนเดียว และการเน้นย้ำถึงพลังอำนาจของชาติในการรักษาเกียรติภูมิของจีน โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นแกนนำที่ควบคุมระบบทั้งหมด จะยังคงเกิดขึ้นในศตวรรษข้างหน้าอย่างหนักแน่นแน่นอน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล