ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนรุ่นใหม่มีทางเลือกในการทำงานมากกว่าคนรุ่นก่อน ด้วยบริบทของโลกที่เปิดกว้าง นำไปสู่โอกาสในการค้นหา ‘ชีวิตที่ใช่และงานที่ชอบ’ ได้มากกว่า
ตัวแปรอย่าง ‘วัฒนธรรมองค์กร’ กลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมาประกอบการตัดสินใจ เงินเดือน และสวัสดิการที่ดึงดูดใจ ควรต้องมาพร้อมความท้าทายในเนื้องาน โอกาสเติบโตในสายอาชีพที่รวดเร็ว และสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อให้คนทำงานได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสายงานที่เกี่ยวข้องกับ ‘เทคโนโลยี’ ที่ ‘คนเก่ง’ พร้อมจะโยกย้ายไปอยู่ในอ้อมกอดองค์กรที่มีวัฒนธรรมการทำงานตอบโจทย์ชีวิตมากกว่า
คุณคงเคยได้ยินความเก่งกาจในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรจนใครๆ ก็อยากทำงานกับยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix, Facebook หรือ Google กันมาพอสมควรแล้ว แต่ตอนนี้ THE STANDARD อยากพาคุณไปรู้จักกับ Accenture (เอคเซนเชอร์) บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ องค์กรที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 บริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดจากนิตยสาร Fortune ในปี 2556 และนับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ทำให้เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กลายเป็นองค์กรเนื้อหอมของคนรุ่นใหม่ เพราะให้ทั้งความท้าทาย พร้อมโอกาสเติบโตสูง ที่เจ๋งที่สุดคืออิสระในการทำงาน
ปัจจุบัน Accenture มีพนักงานจากทุกสาขาทั่วโลกกว่า 500,000 คน ให้บริการลูกค้าใน 120 ประเทศ ในส่วนของเอคเซนเชอร์ ประเทศไทย มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า 1,000 คน ในภาคอุตสาหกรรมชั้นนำต่างๆ ทั้งในธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ กลุ่มทรัพยากรและพลังงาน บริการทางการเงิน การสื่อสารและเทคโนโลยีขั้นสูง
กลุ่มลูกค้าที่ Accenture ให้คำปรึกษาด้านการจัดการ การบริหารเทคโนโลยี เป็นกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกแขนงทั่วโลกกว่า 40 อุตสาหกรรม แบ่งเป็น 5 กลุ่มย่อย ได้แก่
- Communications, Media & Technology เช่น ธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และนวัตกรรมใหม่
- Financial Services เช่น ธุรกิจการเงินการธนาคาร และประกัน
- Health & Public Services เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล และหน่วยงานภาครัฐ
- Products เช่น ธุรกิจค้าปลีก, ท่องเที่ยว และการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค
- Resources เช่น น้ำมัน สาธารณูปโภคและพลังงานต่าง ๆ
โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของเอคเซนเชอร์เป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 100 จำนวน 94 ราย และมากกว่า 3 ใน 4 อยู่ใน Fortune Global 500 นอกจากนี้ในบรรดาลูกค้าที่ทำรายได้สูงสุดให้แก่เอคเซนเชอร์ 100 อันดับแรก ประกอบด้วย บริษัทที่เอคเซนเชอร์ให้บริการมานานกว่า 5 ปี จำนวน 99 ราย และบริษัทที่เอคเซนเชอร์ให้บริการมานานกว่า 10 ปี สูงถึง 92 ราย
ดาวิน สมานนท์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบริการทางการเงิน เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย
ตัวอย่างของพนักงานที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมั่นคงในองค์กรเอคเซนเชอร์เริ่มจากตำแหน่งเล็กๆ จนก้าวขึ้นมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ร่วมเป็นหนึ่งในทีมบริหารกลุ่มงานบริการทางการเงิน ดูแลลูกค้าธุรกิจการธนาคารและประกันภัยของเอคเซนเชอร์ และยังดูแลโครงการของธนาคารชั้นนำในไทยหลายแห่งในฐานะ Project Manager และ Digital Transformation Lead อีกด้วย
ดาวิน สมานนท์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบริการทางการเงิน เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย
ดาวินเล่าว่า หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและการจัดการ จาก Imperial College London ก็ตัดสินใจกลับมาทำงานที่ประเทศไทย แม้ว่าตอนนั้นจะมีหลายองค์กรที่ตอบโจทย์สายงาน แต่เอคเซนเชอร์ตอบโจทย์ที่สุด
“ผมชอบทำงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีในเชิงประยุกต์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจต่างๆ ซึ่งเอคเซนเชอร์เป็นองค์กรที่ทำงานครอบคลุมหลายกลุ่มอุตสาหกรรม มีทั้งธุรกิจการเงิน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจกลุ่มพลังงาน ผมอยากท้าทายตัวเอง และสร้างประสบการณ์กับหลายกลุ่มธุรกิจ จึงตัดสินใจเข้ามาทำงานที่นี่ จนถึงวันนี้ก็ 16 ปีแล้ว”
‘One Accenture, One Team’ ต่างทีมแต่รวมเป็นหนึ่ง
ดาวินบอกว่า วัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อให้การทำงานกับหลากหลายแผนกในองค์กรขนาดใหญ่เช่นนี้กลายเป็นเรื่องง่ายคือ การทำงานเป็นทีม
“เอคเซนเชอร์ต่างจากบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีอื่นๆ ตรงที่เราเป็นองค์กรที่มีการทำงานครบวงจร โดยแบ่งองค์กรเป็น 4 ทีม ได้แก่ ทีม Strategy & Consulting หรือทีมให้คำปรึกษาและวางกลยุทธ์ทางการตลาด ทีมต่อมาคือ Interactive หรือทีมที่ออกแบบ UX/UI จะทำหน้าที่ออกแบบประสบการณ์ลูกค้า ถัดมาคือทีม Technology หรือทีมที่สร้างและใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ เช่น AI Robotic และ Analytics แต่ ณ ปัจจุบัน เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีมันมีหลากหลายมาก ไม่ใช่เรื่องของการทำ Coding อย่างเดียว แต่อาจเป็นเรื่องของการทำ Mobile Application และสุดท้ายก็คือทีม Operations หรือทีมที่ทำเรื่อง Outsourcing ทั้งหมดนี้คือทีมที่ครบวงจรในการทำหนึ่งโปรเจกต์
“ถึงแม้จะมีหลายทีมและดูแลหลายกลุ่มอุตสาหกรรม แต่ที่เอคเซนเชอร์เราไม่มีเส้นแบ่งระหว่างทีม เพราะเราเป็น ‘One Accenture’ เรามีเป้าหมายเดียวกันคือ จะตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างไร ทุกคนมองโจทย์ที่ได้รับเป็นความท้าทายและช่วยกันผลักดัน ช่วยกันดึงศักยภาพของคนในทีม เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า”
Flat Organization โครงสร้างองค์กรที่พร้อมดันคนเก่งให้โต
จุดเด่นอีกอย่างที่มีส่วนช่วยให้คนในองค์กรของเอคเซนเชอร์เติบโตและพัฒนาฝีมือได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรืออยู่ในตำแหน่งไหนก็ตามนั่นคือ โครงสร้างองค์กรแบบราบ หรือ Flat organization ซึ่งเป็นโครงสร้างองค์กรที่สอดคล้องกับออฟฟิศยุคใหม่ ช่วยลดช่องว่างระหว่างพนักงานและผู้บริหาร ลดการควบคุมแบบลำดับขั้น เอื้อต่อการให้พนักงานทุกระดับชั้นแสดงศักยภาพและมอบอำนาจตัดสินใจ
“ที่นี่สนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีโอกาสได้รับผิดชอบโปรเจกต์ใหญ่ๆ มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น สำหรับผมมันเป็นอะไรที่สนุกและท้าทายมาก ตอนผมเป็นพนักงานใหม่ก็ได้รับความไว้วางใจให้ทำโปรเจกต์ใหญ่ ทำให้เรามีโอกาสใช้ศักยภาพตัวเอง พัฒนาฝีมือตัวเองได้เร็วขึ้น และยังต้องเจอความท้าทายในการทำงานกับคนในแผนกอื่นๆ สไตล์การทำงานแบบคนเอคเซนเชอร์ เราทำงานกันเป็นทีม ไม่ว่าคุณจะเชี่ยวชาญด้านไหน เมื่อมาทำงานร่วมกันในโปรโจกต์เราคือทีมเดียวกัน ยิ่งเป็นการทำงานกับทีมต่างประเทศยิ่งต้องพัฒนาตัวเองให้ไว เพราะบ่อยครั้งที่ต้องทำงานกับผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศ
“และอย่างที่บอก เอคเซนเชอร์เป็นองค์กรที่มีโครงสร้างแบบ Flat organization แม้ว่าคุณจะเป็นน้องใหม่ในทีมก็มีโอกาสแสดงความคิดเห็น โชว์ผลงาน ผมว่าเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่อยากท้าทายตัวเองและหาประสบการณ์ใหม่ๆ ตัวผมเองตลอด 16 ปี มีโอกาสได้ทำงานในหลายอุตสาหกรรม ทั้งธุรกิจสื่อสาร พลังงาน จนถึงธุรกิจการเงิน เพราะที่นี่เปิดกว้างอยู่แล้ว ดังนั้นตัวคุณเองก็ต้องพร้อมที่จะรับทุกโอกาสที่อยู่ตรงหน้า กล้ารับความท้าทายใหม่ๆ
“นอกจากนั้นองค์กรก็มีความช่วยเหลือหลายอย่าง เรามี People Lead ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเติบโตในสายอาชีพ ทั้งในเรื่องการปรับตัว การเรียนรู้ การสร้างเครือข่ายในองค์กร เปรียบเสมือน Career Mentor เช่น คุณอยากท้าทายตัวเอง เปลี่ยนสายงานก็ปรึกษากับ People Lead เพื่อที่เขาจะช่วยแนะนำและวางแผน โดยพิจารณาผลงานที่ผ่านมาและตำแหน่งงานที่มีในช่วงนั้น”
Workplace Flexibility และ Flexible Hours รูปแบบการที่ปลูกฝังความรับผิดชอบ
Workplace Flexibility จะกลายเป็นหนึ่งในรูปแบบการทำงานที่คนยุคนี้มองหา นโยบายที่ให้ความยืดหยุ่นเรื่องเวลางานและการให้อิสระในการทำงาน ไม่มีการตอกบัตรเข้างานหรือต้องมานั่งประจำที่ออฟฟิศ ตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิตของพนักงานทุกคน
“Workplace Flexibility ทำให้เรามีส่วนร่วมกับคนหลายกลุ่ม เมื่อทุกคนไม่ต้องเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ จึงสามารถคุยงานกับคนจากหลากหลายพื้นที่ได้พร้อมกัน หรือบางครั้งต้องประชุมกับทีมต่างประเทศ ซึ่งไทม์โซนต่างกับบ้านเรา ก็สามารถพูดคุยกับหัวหน้าและทีมเพื่อขอปรับเวลาทำงานเป็นแบบ Flexible Hours ได้ และยังเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของหลายๆ คน อย่างผมมีลูกเล็ก การทำงานที่บ้านค่อนข้างตอบโจทย์ ทำงานเสร็จ ออกจากห้องทำงานก็เข้าโหมดชีวิตครอบครัวได้ทันที ย่นระยะเวลาการเดินทางไป-กลับ”
เอคเซนเชอร์ยังให้ความสำคัญกับประสิทธิผลของงานและการสร้างสมดุลในชีวิตของพนักงาน ถึงจะเป็นธุรกิจที่มีระยะเวลาการทำงานเป็นตัวเร่งให้พนักงานเกิดความเครียด หรือการทำงานภายใต้ความถูกต้องแม่นยำ แต่ดาวินบอกว่า “ที่เอคเซนเชอร์มีกิจกรรมสนุกๆ เยอะเหมือนกัน”
“ช่วงก่อนโควิด-19 บริษัทจะมีกิจกรรม เช่น Outing, Team Dinner ตอนนี้เราก็ปรับกิจกรรมบางอย่างเป็นออนไลน์ เช่น Virtual Town Hall หรือ Virtual Lunch นัดทีมกินข้าวแล้วเปิดคอลคุยกัน หรือ Virtual Game หรือปกติแล้วเราก็มีกิจกรรมเกี่ยวกับ CSR ค่อนข้างเยอะ เปิดโอกาสให้พนักงานร่วมทำโปรเจกต์ที่มีประโยชน์ต่อสังคม เช่น ส่งน้องๆ ไปแนะนำการพัฒนาธุรกิจในจังหวัดต่างๆ หรือแนะนำวิธีใช้เทคโนโลยีช่วยทำธุรกิจ หรือล่าสุดเราช่วยกันพัฒนาแอปพลิเคชันสื่อการเรียนการสอนสำหรับน้องๆ ที่พิการทางการได้ยิน”
โอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดในโลก
สุดท้ายแล้ว ข้อได้เปรียบที่อาจทำให้มนุษย์ Growth Mindset อยากส่งเรซูเม่มาทันทีคือ เรื่องโอกาสในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ชนิดที่ว่าบางเทคโนโลยียังไม่มีในประเทศไทย และบางเทคโนโลยีใหม่ที่สุดในโลกก็มี
“นี่เป็นข้อได้เปรียบของเอคเซนเชอร์ รับประกันว่าคุณจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ต้องปรับตัวตลอด เพราะเราดูแลกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกแขนงทั่วโลกกว่า 40 อุตสาหกรรม จึงเป็นโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้แทบจะทุกอุตสาหกรรม คนที่อยากโตเร็ว โครงสร้างองค์กรของเราก็เอื้อ พอไม่มีเลเยอร์เยอะ โอกาสที่จะเติบโตก็เร็วกว่าแน่นอน
“ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเรียนรู้และทำงานหลากหลาย ไม่ตีกรอบความสามารถตัวเอง ชอบความท้าทาย ผมว่าคุณเหมาะกับองค์กรของเรา ยิ่งถ้าชอบทำงานเป็นทีมและสามารถ Lead ให้คนทั้งทีมเก่งขึ้นได้ คุณจะประสบความสำเร็จที่นี่ได้ไม่ยาก”
จงมองหาองค์กรที่เปิดโอกาสให้คุณเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่พร้อมอัปเกรดตลอดเวลา
ดาวินฝากถึงคนรุ่นใหม่หรือคนที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำงาน “ต้องเลือกองค์กรที่จะผลักดันหรือสอนให้คุณมีโอกาสเก่งขึ้นกว่าเดิม ดูจากวัฒนธรรมองค์กรก็ได้ว่าทุกคนช่วยกันไหม ทำงานเป็นทีมหรือเปล่า มีเทรนนิ่งไหม มีช่องทางให้เติบโตมากน้อยแค่ไหน
“เอคเซนเชอร์เราทำงานกันเป็นทีม จึงมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำงานด้วย ดังนั้นพนักงานใหม่จะได้เรียนรู้จากคนเหล่านี้ นอกเหนือจากนั้นทางบริษัทก็มีคอร์สออนไลน์ที่มาช่วยเสริมทักษะ เรามีออนไลน์คอร์สมากกว่า 20,000 คอร์ส รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่ศึกษาเพิ่มเติมเองได้ หรือเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ในเรื่องสำคัญๆ ทุกเดือน”
ที่สำคัญถ้าคุณเก่งจริงอาจมีโอกาสแลกเปลี่ยนไปทำงานในต่างประเทศอีกต่างหาก ส่วนพนักงานที่มีทักษะที่สำคัญต่อธุรกิจของบริษัท รับไปเลย Hot Skill Bonus กำลังใจก้อนโตเอาไว้ต่อยอดทักษะที่มีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ลองตั้งเป้า 3-5 ปี ‘คว้าตำแหน่งในฝัน ปรับเงินเดือนเท่าตัว พร้อมโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกแขนงทั่วโลกกว่า 40 อุตสาหกรรม’ เชื่อสิ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ที่ Accenture
ใครที่มองหาโอกาสในการทำงาน ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ Accenture