วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 26 พฤษภาคม โดยวิสาขบูชาย่อมาจากคำว่า ‘วิสาขปุรณมีบูชา’ แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ
วันวิสาขบูชาถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน
สำหรับวันวิสาขบูชาในปีนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานคติธรรมเนื่องในวันวิสาขบูชา ความว่า
ดิถีวิสาขบูชา อันเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นวันสำคัญสากลของโลก ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ชวนให้ระลึกถึงเหตุการณ์ เมื่อพระโพธิสัตว์สิทธัตถราชกุมารเสด็จอุบัติขึ้นบนโลกนี้ ดังปรากฏเรื่องราวในพระไตรปิฎกว่า พระองค์ทรงผินพระพักตร์ไปทางทิศอุดร ทอดพระเนตรทิศทั้งหลาย ทรงพระดำเนินย่างพระบาทไปเจ็ดก้าว แล้วทรงเปล่งพระอาสภิวาจาว่า “เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐแห่งโลก เราคือผู้เป็นใหญ่แห่งโลก” ดังนี้อุปมาดั่งการประกาศอิสรภาพของมนุษย์ ให้ต่างตระหนักว่าเราทุกคนล้วนเป็นผู้กำหนดชีวิตของตนเอง สามารถพัฒนาตนให้ประเสริฐ ให้พ้นทุกข์ ให้มีชีวิตที่ดีงามสมบูรณ์ ถึงขั้นจะรู้แจ้งสัจธรรมเป็นพระพุทธเจ้าก็ยังได้ โดยหาใช่เพราะการดลบันดาลของพรหม เทพ หรือชะตาฟ้าดินแต่อย่างใด
พุทธบริษัททั้งหลาย จึงพึงพิจารณาถึงย่างก้าวแห่งธรรมะ 7 ประการ อันนำไปสู่การตรัสรู้ ซึ่งเรียกว่า ‘โพชฌงค์ 7’ ประกอบด้วย สติ ความระลึกได้, ธัมมวิจยะ การศึกษาสอดส่องธรรมะ, วิริยะ ความพากเพียร, ปีติ ความเอิบอิ่มใจโดยปราศจากอามิส, ปัสสัทธิ ความสงบกายใจ, สมาธิ ความมีจิตตั้งมั่น และ อุเบกขา ความมีใจเป็นกลาง อย่างไรก็ดี ก่อนจะย่างไปให้ครบทั้ง 7 ก้าวสู่ความเป็นเลิศในโลกนั้น มนุษย์ผู้ปรารถนาอิสรภาพจำเป็นต้องเริ่มต้นฝึกฝนตนเองให้มั่นคง ในย่างก้าวสำคัญก้าวแรกแห่งการพัฒนา ได้แก่ ‘สติ’ กล่าวคือ ให้รู้เท่าทันในการเคลื่อนไหว ในอารมณ์ที่ปรุงแต่งจิต และในความคิดทั้งหลายให้ได้ หากปราศจากสติเสียแล้ว องค์ธรรมแห่งความสำเร็จสูงสุดสำหรับมนุษยชาติประการอื่นๆ ย่อมไม่อาจจะติดตามมาได้เลย ขอสาธุชนจงมุ่งมั่นหมั่นศึกษาอบรมเจริญสติให้รู้เท่าทันกาย วาจา และใจของตนเอง อันนับเป็น ‘ปฏิบัติบูชา’ ที่พึงกระทำต่อพระรัตนตรัย เพื่อความดำรงมั่นแห่งพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประทีปส่องใจเวไนยนิกรทั้งปวง สืบไปตลอดกาลนาน เทอญ