วันนี้ (7 พฤษภาคม) ยาซูโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีด้านการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจะขยายระยะเวลาของภาวะฉุกเฉินจากโรคโควิด-19 ที่ปัจจุบันครอบคลุมจังหวัดโตเกียว โอซาก้า เกียวโต และเฮียวโงะ จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม
นิชิมูระระบุว่า ญี่ปุ่นจะประกาศเพิ่มจังหวัดไอจิและฟุกุโอกะเป็นพื้นที่ภายใต้มาตรการฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมนี้ โดยการตัดสินใจนี้จะทำให้ผู้ว่าการและทางการท้องถิ่นสามารถบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม โดยทั้งหมดจะมีผลเป็นทางการภายในช่วงบ่ายของวันนี้
ขณะที่เมื่อวานนี้ (6 พฤษภาคม) เจ้าหน้าที่รัฐบาลระบุว่า โยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะประกาศภาวะฉุกเฉินในจังหวัดไอจิและฟุกุโอกะ พร้อมยืนยันการขยายระยะเวลาของภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ที่มีการบังคับใช้ในปัจจุบันในวันที่ 7 พฤษภาคม
“รัฐบาลจะหารือกับคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาของภาวะฉุกเฉินในวันที่ 7 พฤษภาคม เราจะตัดสินใจขยายระยะเวลาและพื้นที่ในการบังคับใช้มาตรการนี้” ซูงะกล่าว
เจ้าหน้าที่รัฐบาลระบุว่า จังหวัดที่อยู่ภายใต้ภาวะกึ่งฉุกเฉินในปัจจุบันอันได้แก่ ไซตามะ ชิบะ คานางาวะ เอฮิเมะ และโอกินาวา จะถูกขยายระยะเวลาจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมเช่นกัน และจะเพิ่ม 3 จังหวัด ได้แก่ ฮอกไกโด กิฟุ และมิเอะ อยู่ภายใต้ภาวะกึ่งฉุกเฉินด้วย
ญี่ปุ่นประกาศภาวะกึ่งฉุกเฉินในพื้นที่ข้างต้น โดยอ้างอิงกฎหมายที่มีการแก้ไขเพื่อให้รัฐบาลกลางสามารถประกาศภาวะกึ่งฉุกเฉิน ช่วยให้หน่วยงานรัฐสามารถดำเนินมาตรการพิเศษเพื่อต่อต้านโรคระบาดในพื้นที่ที่เกือบถูกจัดเป็นภาวะฉุกเฉิน
แม้ญี่ปุ่นจะประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นครั้งที่สาม แต่ผู้ว่าการบางจังหวัดที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ากระบวนการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของรัฐบาลกลางมีความล่าช้า ยังคงเชื่อว่ามาตรการต่อต้านโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันไม่สามารถต้านทานการแพร่ระบาดระลอกที่สี่ในเวลานี้ได้
ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว แสดงความกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์และมีอัตราการติดเชื้อสูง โดยโคอิเกะเชื่อว่าสถานการณ์ในโตเกียวอยู่ในระดับรุนแรง และยังเร็วเกินไปจะยกเลิกภาวะฉุกเฉิน
“เมื่ออ้างอิงจากการวิเคราะห์ในหลายด้านแล้ว เราเชื่อว่าจำเป็นต้องขยายระยะเวลาของภาวะฉุกเฉินต่อไปก่อน” โคอิเกะกล่าว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- สำนักข่าวซินหัว