ปัญหาลูกล้ำหน้าหรือไม่ล้ำหน้าที่ค้านสายตาจากการตัดสินของผู้ตัดสินหรือจาก VAR มีโอกาสจะหมดไป เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) กำลังเร่งพัฒนาระบบการตัดสินลูกล้ำหน้าอัตโนมัติ โดยหวังจะใช้ทันฟุตบอลโลก 2022 ตามการเปิดเผยของ อาร์เซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอลในระดับโลก เปิดเผยรายละเอียดของระบบช่วยตัดสินใหม่ที่จะช่วยตัดสินลูกล้ำหน้า หนึ่งในปัญหาตลอดกาลของเกมลูกหนัง ซึ่งช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีปัญหาค่อนข้างมากจากมาตรฐานการตัดสินที่ไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะหลังนำ VAR มาใช้ช่วยการตัดสิน
สำหรับระบบใหม่จะเป็นระบบอัตโนมัติ (Automated Offside) เต็มรูปแบบ หากระบบตรวจแล้วพบว่ามีการล้ำหน้าจะมีการส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์รับสัญญาณที่ติดอยู่บนข้อมือของผู้ช่วยผู้ตัดสิน ซึ่งเมื่อเห็นสัญญาณสีแดงแปลว่าล้ำหน้าให้ยกธงได้ทันที โดย FIFA หวังว่าระบบนี้จะช่วยทำให้การตัดสินลูกล้ำหน้ามีความแม่นยำมากขึ้น และลดเวลาในการใช้ VAR เพื่อตัดสินลูกล้ำหน้า
“ผมคิดว่าระบบล้ำหน้าอัตโนมัติน่าจะพร้อมสำหรับปี 2022 คำว่าอัตโนมัติหมายถึงมันจะมีการส่งสัญญาณตรงไปถึงไลน์แมน และถ้านาฬิกาบนข้อมือของไลน์แมนมีสีแดงก็จะบอกกับเขาได้ว่าลูกนี้ล้ำหน้าหรือไม่ล้ำหน้า” เวนเกอร์เผย
“ในเวลานี้เรามีสถานการณ์ที่ผู้เล่นอยู่บนไลน์ และต้องมาคอยดูว่าพวกเขาล้ำหน้าหรือไม่ ซึ่งโดยค่าเฉลี่ยแล้วเวลาที่เราต้องรอการตัดสินอยู่ที่ 70 วินาที บางครั้งอาจจะนานถึง 1 นาที 20 วินาที บางครั้งอาจจะนานกว่านั้นหากสถานการณ์นั้นยากที่จะประเมิน
“ตรงนี้สำคัญ เพราะเราได้เห็นการฉลองประตูหลายครั้งที่ถูกยกเลิกหลังจากสถานการณ์ที่มีความก้ำกึ่งสูงมาก และนั่นเป็นเหตุผลที่เชื่อว่ามันจะเป็นก้าวที่สำคัญ”
อย่างไรก็ดีก่อนหน้าจะมีการใช้ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ FIFA ได้มีการหารือเกี่ยวกับการปรับกฎล้ำหน้าใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว และมีแผนที่จะทดสอบระบบกึ่งอัตโนมัติซึ่งจะส่งสัญญาณไปให้ VAR ตัดสินว่าเป็นลูกล้ำหน้าหรือไม่ก่อน แล้วจึงแจ้งผู้ช่วยผู้ตัดสินอีกทอด ซึ่งความจริงเคยมีการทดสอบระบบนี้มาแล้วในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกเมื่อปี 2019
“สำหรับระบบกึ่งอัตโนมัติจะส่งไปที่ VAR ก่อน แล้ว VAR จะเป็นคนส่งสัญญาณต่อให้ไลน์แมน” เวนเกอร์เผยต่อ “ผมพยายามอย่างมากในตอนนี้เพื่อจะทำให้มีการตัดสินล้ำหน้าโดยอัตโนมัติเพื่อที่จะส่งสัญญาณตรงไปที่ไลน์แมนได้เลย”
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง: