สหรัฐฯ-EU คว่ำบาตรและอายัดทรัพย์ผู้นำทหาร-ตำรวจเมียนมาเพิ่มเติม หลังใช้กำลังเข่นฆ่าประชาชน

วานนี้ (22 มีนาคม) สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (EU) ดำเนินมาตรการตอบโต้ผู้นำทหาร-ตำรวจเมียนมาเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังสถานการณ์ต้านรัฐประหารในเมียนมายังคงรุนแรงต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่รัฐยังคงใช้กำลังความรุนแรงเข่นฆ่าประชาชน สื่อท้องถิ่นรายงาน มียอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 254 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กวัยเพียง 13 ปี ถูกยิงเสียชีวิตที่เมืองมัณฑะเลย์

โดยทางการสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรแก่ผู้บัญชาการตำรวจและผู้บัญชาการกองกำลังทหารพิเศษที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กำลังความรุนแรงเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเหล่าบรรดาผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายทหารระดับสูง รวมถึงสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาแล้ว

ทางด้านสหภาพยุโรปเองก็สั่งอายัดทรัพย์และยกเลิกวีซ่าของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐประหาร รวมถึงนายทหารระดับสูงอีก 9 นาย และหัวหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อรัฐประหารและการก่ออาชญากรรมโดยรัฐ

ประชาคมโลกยังคงเดินหน้ากดดันและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของประชาชนชาวเมียนมาที่เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามให้มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรงให้น้อยที่สุด

แม้ประชาชนชาวเมียนมาจำนวนมากต่างเรียกร้องให้มีการเข้าแทรกแซงทางทหารผ่านหลักรับผิดชอบเพื่อปกป้อง (R2P) ของบรรดาประเทศมหาอำนาจ แต่นักวิชาการจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว เนื่องจากบริบทและแรงจูงใจของมหาอำนาจที่เคยมีบทบาทนำได้เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับการใช้กองกำลังต่างชาติเข้าแทรกแซงรัฐอธิปไตยนั้นมีต้นทุนที่ต้องจ่ายสูงมาก และบ่อยครั้งผลของการแทรกแซงไม่ได้จบลงด้วยบทสรุปที่ดีและน่าพึงพอใจเสมอไป อาเซียนอาจต้องช่วยเป็นตัวกลางในการเปิดเวทีเจรจา เพื่อจัดสรรอำนาจทางการเมืองใหม่ในระยะเปลี่ยนผ่านของเมียนมา เพื่อปูทางไปสู่การเป็นสังคมประชาธิปไตยอีกครั้ง

บทความที่เกี่ยวข้อง:

ภาพ: Sai Aung Main / AFP

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง: