เมื่อวานนี้ (16 มีนาคม) รายงานจากกลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียระบุว่า ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียในสหรัฐอเมริกาแจ้งเหตุการณ์ถูกรังเกียจเดียดฉันท์เกือบ 3,800 ครั้งภายในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ปี ระหว่างเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
รายงานข้างต้นมาจากองค์กรยุติความเกลียดชังต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก (AAPI) เป็นกลุ่มแนวหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุทำร้ายชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียระหว่างการระบาดใหญ่ โดยศูนย์รับแจ้งเหตุขององค์กรก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2020 โดยสภานโยบายและการวางแผนเอเชียแปซิฟิก (A3PCON) องค์กรสิทธิชาวอเมริกันเชื้อสายจีน (CAA) และคณะชาวอเมริกันเชื้อสายจีนศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยรัฐซานฟรานซิสโก
ช่วงวันที่ 19 มีนาคมปีที่แล้วจนถึง 28 กุมภาพันธ์ปีนี้ ศูนย์ดังกล่าวได้รับแจ้งเหตุเหยียดเชื้อชาติที่มุ่งเป้ามายังชาวเอเชียรวม 3,795 ครั้ง ตั้งแต่การคุกคามด้วยวาจา แสดงความรังเกียจ ทำร้ายร่างกาย การคุกคามทางออนไลน์ ตลอดจนการละเมิดสิทธิพลเมือง
เหตุการณ์ที่ได้รับแจ้งมากที่สุด ได้แก่ การคุกคามด้วยวาจา (ร้อยละ 68.1) การแสดงความรังเกียจ (ร้อยละ 20.5) และการทำร้ายร่างกาย (ร้อยละ 11.1) ตามลำดับ จำนวนผู้แจ้งเหตุเป็นผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย 2.3 เท่า เป็นชาวจีน ร้อยละ 42.2 ตามด้วยคนเกาหลี ร้อยละ 14.8 และชาวเวียดนาม ร้อยละ 8.5
รายงานระบุว่า เหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นในสถานที่ทางธุรกิจ (ร้อยละ 35.4) บนท้องถนน (ร้อยละ 25.3) และสวนสาธารณะ (ร้อยละ 9.8) ตามลำดับ ส่วนจำนวนเหตุการณ์ทางออนไลน์คิดเป็นร้อยละ 10.8 โดยจากเหตุการณ์ทั้งหมดเกือบ 3,800 ครั้ง เกิดขึ้นที่รัฐแคลิฟอร์เนียมากที่สุดรวม 1,691 ครั้ง (ร้อยละ 44.56) ตามด้วยรัฐนิวยอร์ก 517 ครั้ง (ร้อยละ 13.62)
“จำนวนเหตุการณ์ความเกลียดชังที่ศูนย์ได้รับรายงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง แต่ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเสี่ยงต่อการถูกเลือกปฏิบัติและพวกเขาถูกเลือกปฏิบัติอย่างไรบ้าง” รายงานระบุ
“เหตุการณ์ความเกลียดชังไม่ได้ลดน้อยลงเลย เราจะปล่อยให้ความเกลียดชังชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเป็นมรดกของโรคโควิด-19 หรือคณะบริหารชุดก่อนไม่ได้ แต่มันจะเกิดขึ้นแน่นอนหากเราไม่ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม” รัสเซล จึง ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร และศาสตราจารย์ของคณะชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยรัฐซานฟรานซิสโกระบุในแถลงการณ์
จึงระบุบนทวิตเตอร์ขององค์กรว่า หากไม่มีการสร้างความเปลี่ยนแปลง “อาจมีแสงปลายอุโมงค์สำหรับการระบาดใหญ่เท่านั้น แต่ไม่มีแสงสำหรับชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- สำนักข่าวซินหัว
