เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ขวัญใจของผู้บริโภคที่หลงรักการออกกำลังกาย หรือมีไลฟ์สไตล์ที่สมบุกสมบัน สำหรับ Garmin หรือ การ์มิน คอร์ปอเรชั่น โดยที่ล่าสุดพวกเขาได้ประกาศเปิดตัวออฟฟิศแห่งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน 4 กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการผลักดันคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานให้ดีมากยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ ‘Every Beat of Life – นวัตกรรมที่ก้าวทันทุกจังหวะของชีวิต’
สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมา Garmin สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกไปมากถึง 4,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 125,700 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า โดยที่ 4 กลยุทธ์หลักของ Garmin ประเทศไทยในการดำเนินธุรกิจจะประกอบไปด้วย
- Vertical Integration ควบคุมคุณภาพทั้งสายการผลิตโดยบุคลากรของ Garmin ตั้งแต่กระบวนการผลิต การทำการตลาด และการให้บริการ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน กับความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็วเท่าทันต่ออุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
- Expand Brand Presence in Each Market พัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้ง 5 กลุ่มให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยการนำเสนอสินค้าที่ตอบความต้องการที่เฉพาะเจาะจง ผ่านการทำให้ Garmin เป็นที่รู้จักทั้งในการทำตลาดแบบ B2C และ B2B อาทิ การทำตลาดสินค้าประเภทกีฬากอล์ฟและการดำน้ำ รวมถึงขยายผลลัพธ์ของ Garmin Health Solutions หรือโซลูชันด้านสุขภาพที่เรามีไปสู่ธุรกิจด้านสุขภาพและประกันภัย เป็นต้น
- User Experience Enhancement สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้บริโภคด้วยกิจกรรมรูปแบบใหม่ๆ จาก Garmin ตลอดทั้งปี อาทิ Garmin Run Club คอมมูนิตี้แห่งใหม่สำหรับนักวิ่งที่คลั่งไคล้ในการออกกำลังกายกับกูรูการวิ่งชื่อดังทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
- Seamless Service Experiences บริการที่เป็นเลิศ กับแผนการให้บริการที่ครอบคลุมลูกค้าชาวไทยในทุกภูมิภาค ตั้งแต่ประสบการณ์หน้าร้านไปจนถึงบริการหลังการขาย ได้แก่ บริการ Drop-off Points กว่า 300 จุดที่พร้อมให้บริการทุกจุดทั่วประเทศ, ทีม Call Center คอยบริการตอบทุกข้อสงสัยเสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัว และบริการ Door-to-Door ที่ช่วยลดระยะเวลาการให้บริการลงถึง 50% เพิ่มประสิทธิภาพและรวดเร็วทันใจ
มิสซี่ ยาง ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการตลาด ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การ์มิน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมาเราได้พบกับความท้าทายมากมายที่ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ Garmin ก็ยังสามารถสร้างรายได้สูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งและถือเป็นการเติบโตติดต่อกันเป็นปีที่ 5 เนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของการออกกำลังกายและการมอนิเตอร์สุขภาพ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แอ็กทีฟจากแบรนด์ Garmin ที่ผู้บริโภคให้ความมั่นใจได้รับความสนใจมากขึ้น
“จากวิสัยทัศน์ของเราที่ต้องการเป็นผู้นำระดับโลกในทุกตลาดที่เราให้บริการ และความพร้อมของ Garmin ในทุกมิติ ตั้งแต่สินค้าที่ครอบคลุมทุกความต้องการ โดดเด่นด้วยรูปแบบการดีไซน์ที่น่าสนใจ คุณภาพที่เหนือกว่า ความคุ้มค่าด้านฟีเจอร์ที่สูงสุด ทีมงานที่พร้อมให้บริการทั่วทุกมุมโลก รวมถึงศักยภาพการผลิต เราจึงขยายธุรกิจและเข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการขยายธุรกิจมายังประเทศไทยครั้งนี้จะทำให้ Garmin สามารถส่งมอบบริการที่ดี สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าของเรา
ด้าน สกาย เชน ผู้อำนวยการ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า “การมาทำตลาดในประเทศไทย Garmin ยังคงความมุ่งมั่นในการส่งมอบเทคโนโลยีที่ช่วยส่งเสริมทุกๆ จังหวะการใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกคนให้มีประสิทธิภาพตาม Every Beat of Life ตั้งแต่สินค้าที่มีพร้อมให้ลูกค้าได้เลือกซื้อตรงกับความต้องการที่เฉพาะเจาะจงครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์
“เราเชื่อว่าการเข้าถึงลูกค้าในทุกย่างก้าวของการใช้ชีวิตภายใต้ Every Beat of Life ด้วยการมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ การบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ และความมุ่งมั่นในการส่งมอบการใช้ชีวิตที่แอ็กทีฟและมีคุณภาพสำหรับคนไทย จะทำให้ Garmin สามารถคงความเป็นผู้นำตลาด Wearable Device ของไทยได้แน่นอน”
Garmin ยังเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกจากพฤติกรรมผู้บริโภคอีกด้วยว่า ในปีที่ผ่านมา จำนวนครั้งในการทำกิจกรรมบนแพลตฟอร์ม Garmin Connect ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมในร่ม (Indoor Activities) เพิ่มสูงกว่า 55% ซึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยม ได้แก่ คาร์ดิโอในที่ร่มและโยคะ ขณะที่กิจกรรมกลางแจ้ง (Outdoor Activities) เพิ่มสูงกว่า 25% โดยเฉพาะกลุ่มกีฬากอล์ฟและจักรยาน และสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในตัวเลขรายได้ของกลุ่มสินค้าซีรีส์ Descent
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
