×

องค์กรด้านเด็กและสตรีทวงถามความคืบหน้ากระทรวงศึกษาธิการ แก้ปัญหาครูนอกแถว หลังเกิดเหตุฉาวซ้ำซาก ขอสเปกรัฐมนตรีคนใหม่ เลิกทำงานตั้งรับ

โดย THE STANDARD TEAM
11.03.2021
  • LOADING...
องค์กรด้านเด็กและสตรีทวงถามความคืบหน้ากระทรวงศึกษาธิการ แก้ปัญหาครูนอกแถว หลังเกิดเหตุฉาวซ้ำซาก ขอสเปกรัฐมนตรีคนใหม่ เลิกทำงานตั้งรับ

​วันนี้ (11 มีนาคม) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมด้วย ณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง แกนนำมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว และเครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษากว่า 40 คน ยื่นจดหมายต่อ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อทวงถามความคืบหน้าการลงโทษครูที่ก่อเหตุข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียน ล่าสุดเกิดขึ้นในอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งนี้เครือข่ายได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ประณาม-ให้ลงโทษสถานหนักครูหาประโยชน์ทางเพศกับเด็ก และให้กำลังใจครูส่วนใหญ่ที่ยังคงมีจรรยาบรรณ

 

อังคณากล่าวว่า กรณีครูล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดนักเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรีมย์ ถูกครูคณิตศาสตร์ข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน ซ้ำยังถ่ายคลิปข่มขู่ไม่ให้บอกใคร และคลิปได้ถูกเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย สร้างความเสียหายอย่างมาก จนพ่อผู้เสียหายเข้าแจ้งความพร้อมหลักฐานคลิปวิดีโอและข้อความแชตสนทนาที่ไม่เหมาะสมระหว่างครูประจำชั้นและลูกสาว เพื่อให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

 

นอกจากนี้ยังพบว่าครูคนนี้ได้ลวนลามนักเรียนหญิงอีกหลายคนในโรงเรียน ทั้งส่งข้อความเฟซบุ๊กเชิงชู้สาว คุกคามทางเพศ ลวนลามแตะเนื้อต้องตัว ที่แย่ที่สุดคือผู้อำนวยการสถานศึกษาเคยเรียกครูคนนี้ไปว่ากล่าวตักเตือน แต่ก็ยังไม่หยุด ส่วนอีกกรณีเกิดขึ้นช่วงวันไล่เลี่ยกันที่ตำบลสะแกซำ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ เช่นเดียวกัน คืออดีตข้าราชการครู ซึ่งปัจจุบันทำอาชีพขับรถตู้รับส่งนักเรียน ได้อนาจารนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการถอดกางเกงโชว์ พยายามให้เด็กจับอวัยวะเพศ ลูบคลำร่างกายเด็ก จนทำให้เด็กหวาดกลัวและไม่อยากไปโรงเรียนอีก

.

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนความเสี่ยงของนักเรียนต่อการถูกคุกคามทางเพศจากบุคคลผู้ได้ชื่อว่าเป็นคุณครู ผู้ต้องมีบทบาทหน้าที่ปกป้องคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน แต่กลับใช้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ บังคับ ล่อลวงเพื่อล่วงละเมิดทางเพศ ซ้ำร้ายหลายเหตุการณ์ล้วนเกิดขึ้นในโรงเรียน สถานที่ที่ควรปลอดภัย และยังสะท้อนให้เห็นถึงกลไกและมาตรการของสถานศึกษาที่อ่อนแอ ขาดความจริงจัง มิหนำซ้ำยังพบว่าผู้บริหารสถานศึกษา ครู บุคลากรบางท่าน ยังช่วยกันปกปิดให้ความช่วยเหลือครูผู้กระทำผิดอีกด้วย โดยเครือข่ายมีจุดยืนและข้อเสนอต่อกระทรวงดังนี้ 

 

  1. ขอให้กำลังใจครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนที่ยังคงมุ่งมั่น ทำหน้าที่ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้นักเรียนด้วยความรักและเมตตา เป็นแบบอย่างที่ดี และขอประณามบุคคลที่เข้ามาอาศัยวิชาชีพครูทำร้ายลูกศิษย์ด้วยอำนาจที่เหนือกว่า ทั้งการหาประโยชน์ทางเพศและประโยชน์อื่นจากนักเรียนในทุกรูปแบบ ตลอดจนการใช้อำนาจในการละเมิดสิทธิเด็ก 

 

  1. ขอทราบความคืบหน้าผลการดำเนินการกับครูที่กระทำความผิด และมาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้กระทรวงแถลงต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการ 

 

  1. ควรปรับปรุงกลไกระดับกระทรวงที่ตั้งขึ้นเพื่อรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหา ยึดหลักความเป็นอิสระ ตรวจสอบได้ มีองค์กรภายนอกที่เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็กและการแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศเข้าร่วมทำงาน มิใช่การดำเนินการภายใต้คนของกระทรวง และต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ครู ผู้บริหารโรงเรียน นักเรียน และผู้ปกครองรับทราบและเข้าถึงกลไกดังกล่าวได้อย่างเต็มที่” อังคณากล่าว

 

​ด้าน ณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง กล่าวถึงข้อเสนอในลำดับถัดมาว่า 

 

ข้อเสนอข้อที่ 4 คือควรให้การศึกษาแก่ครูและผู้บริหารโรงเรียนทั่วประเทศเกี่ยวกับหลักการและแนวปฏิบัติเพื่อการคุ้มครองสิทธิเด็ก การเคารพความเสมอภาคระหว่างเพศ และมีแนวปฏิบัติเพื่อสร้างให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากความรุนแรงทางเพศและการละเมิดสิทธิเด็กทุกรูปแบบ  

 

  1. ในกรณีที่เกิดเหตุความเสียหายต่อเด็กนักเรียนที่เป็นการละเมิดกฎหมาย กระทรวง ต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าทุกข์ร่วมในการแจ้งความดำเนินคดี ตลอดจนให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เด็กผู้เสียหายและผู้ปกครอง และจัดการให้เด็กเข้าถึงการคุ้มครองความปลอดภัยและได้รับการเยียวยาทางจิตใจและสภาวะแวดล้อมทางสังคมโดยเร่งด่วน  

 

  1. ในกรณีที่สอบสวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่าครูหรือบุคลาการทางการศึกษาอื่นมีการกระทำผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียน ให้กระทรวงลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด ถอนใบประกอบวิชาชีพครู เพื่อป้องกันมิให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาประโยชน์จากเด็กนักเรียนอีก

 

  1. ถึงเวลาที่กระทรวงต้องพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีเนื้อหาเรื่องทักษะชีวิตว่าด้วยความเสมอภาคระหว่างเพศ การเคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกาย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง  

 

  1. ขอให้ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และผู้ปกครอง ช่วยกันเฝ้าระวัง แจ้งเหตุ  ไม่เพิกเฉยต่อการคุกคามทางเพศ การละเมิดสิทธิเด็ก ตลอดจนสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อเด็ก อย่ายอมให้บุคคลหรือกลุ่มคนใดเข้ามาทำร้ายเด็กและให้แวดวงการศึกษาเสื่อมเสีย  

 

​ณัฐพงศ์กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้เครือข่ายเคยมายื่นข้อเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ ในสมัยรัฐมนตรีท่านก่อนหน้านี้ และในวันนี้จึงอยากสอบถามความคืบหน้าว่าทางกระทรวงทำอะไรไปแล้วบ้าง ใครบ้างที่ถูกลงโทษ ใครบ้างที่ยังกลับเข้ามารับราชการครูได้อีก และมีมาตรการขั้นตอนป้องกันปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำซาก และขอฝากไปถึงรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง ขอให้รื้อใหม่ทั้งระบบ จัดหนักเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และขอให้จริงใจแก้ปัญหา  ไม่ใช่ได้คนที่ตอบโจทย์ทางการเมืองมากกว่าเข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising