จบลงไปแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สำหรับงานประกาศรางวัล Golden Globes หรือลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 78 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จัดงาน 2 เมืองในเวลาเดียวกันเพราะสถานการณ์โควิด-19 โดยมีนักแสดงตลก ทีนา เฟย์ เป็นพิธีกรประจำการอยู่ที่ร้าน Rainbow Room ในนิวยอร์ก และมี เอมี พูห์เลอร์ เพื่อนสนิทของเธอ อยู่ที่โรงแรม Beverly Hilton สถานที่จัดงานทุกปี
Nomadland และ Borat Subsequent Moviefilm สามารถชนะ 2 รางวัลใหญ่ที่สุดของค่ำคืน ในสาขาภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยมและภาพยนตร์คอเมดี้หรือมิวสิคัลยอดเยี่ยม ตามลำดับ ส่วนผู้กำกับยอดเยี่ยมตกเป็นของ โคลอี เจา จาก Nomadland เช่นกัน ซึ่งเธอก็ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ และเป็นผู้หญิงคนที่ 2 ต่อจาก บาร์บรา สไตรแซนด์ ที่เคยชนะในปี 1983 จากเรื่อง Yenti
มาที่สาขาการแสดง แอนเดรีย เดย์ ก็ชนะรางวัลนักแสดงนำหญิงภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยมจาก The United States vs. Billie Holiday, แชดวิก โบสแมน ชนะรางวัลนักแสดงนำชายภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยมจากเรื่อง Ma Rainey’s Black Bottom, ซาชา บารอน โคเฮน ชนะรางวัลนักแสดงนำชายภาพยนตร์คอเมดี้หรือมิวสิคัลยอดเยี่ยมจากเรื่อง Borat Subsequent Moviefilm และ โรซามันด์ ไพค์ ชนะรางวัลนักแสดงนำหญิงภาพยนตร์คอเมดี้หรือมิวสิคัลยอดเยี่ยมจากเรื่อง I Care a lot
นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมตกเป็นของ แดเนียล คาลูยา จากเรื่อง Judas and the Black Messiah และปิดท้ายด้วยนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมที่ โจดี ฟอสเตอร์ ชนะไปจากเรื่อง The Mauritanian ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ที่เธอชนะรางวัลลูกโลกทองคำ หลังเคยชนะจากผลงาน The Accused ในปี 1989, The Silence of the Lambs ในปี 1992 และชนะรางวัลเกียรติยศ Cecil B. deMille Award ในปี 2013
ซีรีส์แอนิเมชันขวัญใจหลายคนอย่าง Soul จากค่าย Pixar ชนะไป 2 รางวัล ทั้งภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมและดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งรังสรรค์โดย เทรนต์ เรซนอร์, แอตติคัส รอสส์ และ จอน บาติส ส่วนรางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยมตกเป็นของเพลง Io Sì (Seen) จากภาพยนตร์อิตาลีเรื่อง The Life Ahead ที่นำแสดงโดย โซเฟีย ลอเรน
ด้านรางวัลซีรีส์ก็เป็นไปตามคาด The Crown ของ Netflix สามารถกวาดรางวัลสำคัญไปได้ทั้งหมด เริ่มจากซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมที่ตกเป็นของ เอ็มมา คอร์ริน ในบทเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งสามารถเอาชนะคู่แข่งสำคัญจากเรื่องเดียวกันอย่าง โอลิเวีย โคลแมน ในบทสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ชนะไปเมื่อปีก่อน, นักแสดงสมทบหญิงหญิงยอดเยี่ยมสำหรับ จิลเลียน แอนเดอร์สัน ในบท มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ ส่วน จอช โอคอนเนอร์ ก็ชนะรางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกเช่นกันในสาขานักแสดงนำชายดราม่ายอดเยี่ยมจากบทเจ้าชายชาร์ลส์
ซีรีส์ตลกแห่งยุคอย่าง Schitt’s Creek ของช่อง CBC ชนะรางวัลซีรีส์คอเมดี้ยอดเยี่ยมไปตามคาดเช่นกัน โดย Schitt’s Creek เคยสร้างประวัติศาสตร์มาแล้วที่งาน Emmy Awards เมื่อปีก่อน หลังกวาดไปทั้งหมด 7 รางวัล ซึ่งนับว่าเป็นซีรีส์คอเมดี้เรื่องแรกที่สามาถชนะในทุกสาขาหลัก
แต่สำหรับงาน Golden Globes ในปีนี้ นอกเหนือจากปัญหาด้านการจัดงานที่มีแค่คนพรีเซนต์รางวัลที่สามารถไปที่งานจริงได้ และผู้ชนะต้องกล่าวสปีชขอบคุณจากบ้านของตัวเองผ่านวิดีโอคอล แต่อีกหนึ่งประเด็นที่กำลังเป็นที่พูดถึงคือการที่ผู้จัดงานอย่างหน่วย Hollywood Foreign Press Association กำลังโดนวงการโจมตี เพราะคณะกรรมการตัดสินรางวัลทั้ง 87 คนที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้สื่อข่าวจากทั่วโลก ไม่มีใครสักคนที่เป็นคนผิวดำ ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปี 1987 โดยทางหน่วยงาน Time’s Up ที่ก่อตั้งเมื่อต้นปี 2018 เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหว #MeToo ในวงการฮอลลีวูด ก็ได้ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมโดยการใช้แฮชแท็ก #TIMESUPGLOBES ซึ่งดาราอย่าง สเตอร์ลิง เค. บราวน์, เจนนิเฟอร์ อนิสตัน และ คริส เฮมส์เวิร์ธ ต่างก็ได้ออกมาสนับสนุนสิ่งนี้ด้วย
สามารถดูรายชื่อผู้ชนะ Golden Globes 2021 ทั้งหมดได้ที่นี่: https://www.goldenglobes.com/
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: