อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา และรอการลงสัตยาบันร่วมกับประเทศภาคีเครือข่ายนั้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ทั้งในมิติการเปิดขยายสู่ตลาดใหม่และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ความตกลง RCEP จะช่วยเปิดตลาดสินค้าและบริการ รวมถึงการเจรจาการต่อรองเงื่อนไขทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประโยชน์ที่จะเพิ่มขึ้นจากจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่มีการขยายเงื่อนไขมากกว่า FTA อื่นๆ ขณะที่ไทยมีการเปิดขยายเงื่อนไขให้ 3 ประเทศดังกล่าวไม่กี่รายการ เช่น บางรายการเหล็ก และผลิตภัณฑ์ปลาบางอย่าง ฯลฯ
ส่วนหนึ่งประโยชน์จาก RCEP จะทำให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกมากขึ้น เพราะสามารถนำวัตถุดิบจากหลายแหล่งผลิตสินค้าในการส่งออกสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น เพราะ RCEP มีจำนวนประชากรถึง 2,200 ล้านคน ขณะที่ฝั่งผู้บริโภคก็มีทางเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น
นอกจากนี้หน่วยงานยังอยู่ระหว่างจัดตั้งกองทุน FTA เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการในไทย โดยต้นเดือนมีนาคมนี้จะนำเรื่องเข้าสู่คณะทำงานฯ เสนอรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง รวมถึงการส่งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยคาดว่าทั้งกระบวนการจะใช้เวลาราว 1-2 ปีจึงเริ่มใช้กองทุนนี้ได้
อย่างไรก็ตาม RCEP ยังส่งผลดีต่อการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เกิดการร่วมทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจที่ไทยมีความโดดเด่นอยู่แล้ว เช่น การบริการ สาขาการท่องเที่ยว สุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ การก่อสร้าง เอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ
“ตอนนี้การลงทุนเขามองทั้งตลาดไม่ใช่แค่ประเทศ ซึ่งถ้าเขามองว่าสามารถส่งออกไปขายตลาดใหญ่กว่าประเทศนั้นจะจูงใจให้คนเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งเมื่อเข้ามาลงทุนจะสร้างการจ้างงานและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในไทย และดึงดูดการลงทุน สร้างฐานการผลิตในไทย หรืออาจมองถึงการขยายการลงทุนในต่างประเทศด้วย”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล