ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนว่า ในปี 2563 เป็นปีที่เกิดความผันผวนอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งได้ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมไปทั่วโลก ทั้งเศรษฐกิจ การลงทุน หรือแม้กระทั่งสังคม
อย่างไรก็ดี ความคืบหน้าในการผลิตและแจกจ่ายวัคซีน นับว่าเป็นปัจจัยที่ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาสู่ระดับปกติได้ แต่อาจต้องใช้เวลา
ทั้งนี้ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนควรทำการลงทุน แต่ควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยมองว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่ม ESG เป็นกลุ่มที่น่าจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก
สำหรับกองทุนที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Sustainable Equity (SCB Global Sustainable Equity Fund: SCBGEESG) เน้นลงทุนในบริษัทที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนแบบยั่งยืน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้น ESG และมีปัจจัยพื้นฐานดีที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
โดยกองทุนนี้ได้รับเสียงตอบรับดีจากนักลงทุนหลังจากที่เริ่มเสนอขายครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 3,095 ล้านบาท (อ้างอิง: www.scbam.com ข้อมูล ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564) สำหรับนักลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาทเท่านั้น
การลงทุนแบบ ESG เป็นการลงทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทที่คำนึงถึงความรับผิดชอบทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ Environment (สิ่งแวดล้อม) คือการที่บริษัทมีนโยบายและกระบวนการทำงานในองค์กรเพื่อจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท Social (สังคม) คือการที่บริษัทมีนโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน มีการส่งเสริมและพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ชุมชนที่บริษัทมีความเกี่ยวข้องให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และ Governance (ธรรมาภิบาล) คือการที่บริษัทมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ดำเนินงานอย่างโปร่งใส มีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน
โดยกองทุนนี้มีกลยุทธ์บริหารเชิงรุก (Active Management) มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ Janus Henderson Horizon – Global Sustainable Equity Fund (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กองทุนหลักจดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศลักเซมเบิร์ก (SICAV) และอยู่ภายใต้ UCITS มีวัตถุประสงค์ในการสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว ซึ่งจะลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการที่มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมหรือสังคมในเชิงบวก โดยกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการลงทุน
ปัจจุบันกองทุนหลัก Janus Henderson Horizon – Global Sustainable Equity Fund anus Global Life Sciences Fund เน้นพอร์ตการลงทุนที่เป็น High-conviction ในบริษัทที่มีความยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมประกอบไปด้วยหุ้นทั่วโลกประมาณ 50-70 ตัว รวมถึงโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการลงทุนอย่างยั่งยืนเพื่อความโปร่งใสและวัดผลได้
โดยกองทุนจะเฟ้นหาโอกาสในการลงทุนด้วย 10 ธีมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น พลังงานสะอาด, การขนส่ง, การจัดการน้ำ, การพัฒนาความรู้และเทคโนโลยี, ด้านสุขภาพ, ด้านความปลอดภัย และคุณภาพชีวิต เป็นต้น ซึ่งกองทุนบริหารโดยทีมที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปีในการลงทุนอย่างยั่งยืนและเป็นผู้นำในด้านนี้
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนทำการลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวัน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์