×

โธมัส ทูเคิล วาทยากรลูกหนัง ผู้เปลี่ยนเชลซีให้เป็นวงออร์เคสตราในเวลาแค่ 3 นัด

05.02.2021
  • LOADING...
โธมัส ทูเคิล

ไม่มีใครปฏิเสธสถานะระดับตำนานของ แฟรงก์ แลมพาร์ด ผู้เป็นดัง ‘จิตวิญญาณ’ อันยิ่งใหญ่ของสโมสร ที่สามารถนำพาเชลซียุคใหม่มาสู่การเป็นสโมสรฟุตบอลระดับแถวหน้าของอังกฤษและของยุโรป

 

และไม่มีใครที่ปฏิเสธได้ว่า อดีตนักเตะผู้ผันตัวเองมารับงานในวงการฟุตบอล เป็นหนึ่งในกุนซือเจเนอเรชันใหม่ที่โดดเด่นที่สุด ทั้งด้วยภาพลักษณ์ ความเฉลียวฉลาด และความกล้าที่จะรับงานใหญ่ในสแตมฟอร์ดบริดจ์ ทั้งๆ ที่เป็นช่วงที่ทีมเผชิญวิกฤต ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนเชลซีจะรักและอาลัยเขามาก เมื่อถึงคราวต้องจากไปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว

 

แต่ ณ เข็มนาฬิกาเดินไป ไม่มีใครปฏิเสธได้เช่นกันว่า โธมัส ทูเคิล คือตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับเชลซี แม้จะผ่านการคุมทีมมาแค่ 3 นัดก็ตาม

 

เชลซี ภายใต้การนำของอดีตโค้ชไมนซ์ 05,​ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และปารีส แซงต์ แชร์กแมง มีความเปลี่ยนที่ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องของผลงานที่ 3 นัดเก็บชัยชนะได้ 2 เสมอ 1 โดยที่ไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว (0-0 กับวูล์ฟส์, 2-0 กับเบิร์นลีย์ และ 1-0 เมื่อคืนที่ผ่านมากับท็อตแนม ฮอตสเปอร์)

 

แต่ระบบการเล่น สไตล์ และความมั่นใจของผู้เล่นก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว 

 

จากทีมที่เล่นฟุตบอลเหมือน ‘ด้นสด’ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นที่มากล้นในการอิมโพรไวส์เพื่อควาญหาชัยชนะในสนาม นาทีนี้เชลซีกลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลกันได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบ ทุกคนรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเอง

 

ก็เหมือนที่ทูเคิลพูดเอาไว้ – เขาอยากให้เชลซีเป็นเหมือนวงออร์เคสตรา โดยที่ตัวเขาอาจจะเป็นดัง เซอร์เก โปรโคฟิเยฟ (วาทยากรชื่อดังชาวรัสเซียเจ้าของผลงาน Peter and the Wolf) ของวงการฟุตบอล

 

มีอะไรบ้างที่ทูเคิลเปลี่ยนแปลงเชลซี?

 

ระบบการเล่นใหม่

 

ในเกมแรกที่เขาคุมทีมและต้องพบกับทีมแกร่งอย่างวูล์ฟส์ ทูเคิลมีเวลาในการคุมทีมเพียงแค่มื้อ (เซสชัน) เดียวเท่านั้น แต่แทนที่จะให้ทีมเล่นกันไปตามแบบที่เคยเล่นกันมาตามปกติวิสัย กุนซือชาวเยอรมันกลับสั่งปรับระบบการเล่นของทีมใหม่

 

ทูเคิลกดปุ่มรีเซ็ตให้เชลซี และเลือกระบบใหม่ 3-4-3 โดยที่มีการเลือกใช้ผู้เล่นหลายคนที่เคยถูกทิ้งขว้างในยุคของแลมพาร์ด โดยในเกมดังกล่าวเราได้เห็นการกลับมาของ เซซาร์ อัซปิลิกวยตา กัปตันทีมที่ได้มายืนกองหลังฝั่งขวา,​ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ กองหลังฝั่งซ้าย, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ในบทศูนย์หน้า และ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำฝั่งซ้าย

 

แต่ที่สร้างความประหลาดใจที่สุด คือการลงประจำการในตำแหน่งวิงแบ็กขวาของ แคลลัม ฮัดสัน-โอดอย ปีกดาวรุ่งวัย 20 ปี ที่ไม่เคยเล่นในตำแหน่งดังกล่าวมาก่อนในชีวิต

 

การจัดทีมที่ชวนฉงนนี้เป็นความตั้งใจของทูเคิลเองที่อยากจะ ‘ท้าทาย’ นักเตะในทีม และการตัดสินใจทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากความคิดของเขาที่ผ่านการปรึกษากับทีมงานอย่าง โซลต์ เลิฟ, อาร์โน มิเชลส์ สองผู้ช่วย และ เบนจามิน เวเบอร์ ทีมวิเคราะห์ โดยไม่ถามนักเตะในทีมก่อนว่าเล่นได้ไหม ถนัดหรือเปล่า

 

“บางทีมันอาจจะเป็นการดีแล้วที่ผมไม่ได้ถามก่อน เพราะมันทำให้ผมไม่สงสัยในการตัดสินใจของตัวเอง”

 

ที่ใช้ไอ้หนูที่ยังไม่เคยแจ้งเกิดกับเชลซีได้แบบเต็มๆ แม้ว่าจะเคยเป็นที่หมายปองของยักษ์ใหญ่อย่างบาเยิร์น มิวนิกมาก่อน เพราะทูเคิลได้ศึกษาแล้วว่าในฤดูกาลสุดท้ายที่เชลซีได้แชมป์พรีเมียร์ลีก (2016-17) อันโตนิโอ คอนเต กุนซือในขณะนั้นมีการเปลี่ยนมาใช้ระบบ 3-4-3 โดยมี วิคเตอร์ โมเซส ประจำการฝั่งขวา และ มาร์กอส อลอนโซ ทางฝั่งซ้าย

 

เขาเชื่อว่าฮัดสัน-โอดอย จะเล่นได้ และเชื่อว่าอลอนโซเองก็ดีพอจะช่วยทีมได้อีกครั้ง แม้ว่าในเกมแรกนั้นจะเป็น เบน ชิลเวลล์ ที่ประจำการทางซ้ายก็ตาม

 

มันเป็นการเดิมพันที่อยู่บนความหวังว่าผลลัพธ์จะออกมาดี และสร้างบรรยากาศที่ดีให้แก่ทีมอีกครั้ง ซึ่งโชคดีที่ทุกอย่างสวยงามอย่างที่เขาหวัง เพราะแม้เกมแรกจะเสมอกับวูล์ฟส์ แต่ฟอร์มของฮัดสัน-โอดอย ที่น่าประทับใจ ก็ทำให้นักเตะในทีมเริ่มรู้สึกมีความหวังกับนายใหญ่คนใหม่ของพวกเขา

 

 

 

แคลลัม ฮัดสัน-โอดอย ปีกดาวรุ่งกลายเป็นตัวจริงต่อเนื่องใน 3 นัดที่โธมัส ทูเคิล คุมทัพ

 

โอกาสที่เท่าเทียม

 

การได้โอกาสลงตัวจริงของฮัดสัน-โอดอย รวมถึงรูดิเกอร์, อัซปิลิกวยตา, ชิรูด์ รวมถึงฮาเวิร์ตซ์ ซึ่งทั้งหมดเป็น Fringe Players หรือนักเตะที่ถูกมองเป็นตัวเสริมเอาไว้ลงทดแทนในช่วงท้ายที่แลมพาร์ดคุมทีม ได้กลายเป็นการทลายกำแพงใหญ่ในใจของนักเตะในทีม

 

ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันอีกครั้งที่จะได้ลงสนาม ไม่มีคนโปรดของเจ้านาย (อย่างน้อยก็ในเวลานี้) ทำให้บรรยากาศในทีมที่เคยเต็มไปด้วยความรู้สึกติดลบดีขึ้นในทันที

 

ในเกมต่อมากับเบิร์นลีย์ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ เป็นคิวของ ติอาโก ซิลวา ซึ่งคุ้นเคยกับทูเคิลอย่างดีในทีมเปแอสเช, มาร์กอส อลอนโซ ที่ได้โอกาสลงตัวจริงในตำแหน่งวิงแบ็กซ้ายที่เขาเล่นได้ดีที่สุดในชีวิต, สองดาวรุ่งของทีมที่เคยเป็นหลักในฤดูกาลที่แล้วอย่าง แทมมี อับราฮัม กับ เมสัน เมาท์ และ ติโม แวร์เนอร์ คนที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในฐานะนักเตะความหวังที่ถูกแลมพาร์ดทำให้เสียความมั่นใจ

 

เกมนี้เชลซีชนะไป 2-0 โดยอลอนโซ ก็เหมือนฮัดสัน-โอดอย ที่คว้าโอกาสของตัวเองสำเร็จทำประตูที่สวยงามได้ (ผู้ทำประตูอีกคนคืออัซปิลิกวยตา) และตัวสำรองที่ได้โอกาสลงเล่นก็ยังมีคริสเตียน พูลิซิช, ฮาเวิร์ตซ์ และ รีซ เจมส์ แบ็กขวาตัวหลักของทีมในช่วงที่ผ่านมา

 

และใน 2 นัดกับวูล์ฟส์และเบิร์นลีย์ เชลซีเล่นได้อย่างลงตัวและรัดกุมอย่างมากในเกมรับ พวกเขาปิดกั้นจนคู่แข่งไม่สามารถยิงเข้ากรอบได้แม้แต่ลูกเดียว

 

ก่อนที่จะยัดเยียดความปราชัยให้สเปอร์ส ซึ่งเกมนี้ทูเคิลปรับทีมอีกครั้ง โดยให้เจมส์ประจำการวิงแบ็กขวา, อลอนโซทางซ้าย และดันฮัดสัน-โอดอย ไปยืนตำแหน่งถนัดที่ปีกขวา

 

ตัวโน้ตที่ถูกต้อง จังหวะที่ลื่นไหล

 

วงดนตรีออร์เคสตรานั้นประกอบไปด้วยนักดนตรีมากมายที่ล้วนแต่มีความสามารถอันเอกอุ แต่เมื่อถึงคราวต้องบรรเลงเพลง ทุกคนจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด

 

โน้ตทุกตัวต้องถูกต้อง จังหวะต้องเป๊ะ จะไม่มีใครที่จะพยายามเด่นเกินกว่าใคร

 

สิ่งที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะทำได้ คือการเล่นโน้ตตัวนั้นให้เพราะที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

แต่แน่นอนว่าการจะทำให้เสียงดนตรีจากเครื่องดนตรีมากมายขนาดนั้นเล่นอย่างสอดประสานได้ลงตัว ต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนัก ซ้อมแล้วซ้อมเล่า ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ผิดก็ต้องแก้จนกว่าจะถูก ซึ่งนอกจากความสามารถส่วนตัวแล้ว ทุกคนยังต้องร่วมแรงร่วมใจกันด้วย

 

นั่นคือสิ่งที่ทูเคิลคาดหวังไว้สำหรับเชลซีของเขา และในฐานะผู้นำที่เปรียบดังวาทยากร เขาก็ต้องการให้ลูกทีมเชื่อในตัวเขาเช่นกัน

 

“เพื่อจะทำให้ได้แบบนั้น เราต้องการความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เล่นและตัวผมเอง ส่วนผลงานมันจะตามมาในภายหลัง ในพรีเมียร์ลีกเราควบคุมผลการแข่งขันไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราควบคุมเรื่องผลงานของตัวเองได้ มันจะต้องมีวันที่เราเสมอหรือแพ้ แต่ผมก็จะชื่นชมทีมในเรื่องของผลงานในสนาม

ที่สุดแล้วก็เหมือนกับวงออร์เคสตรา เราต้องไหลตามจังหวะ เราต้องเล่นอย่างมีวินัย ความเร็ว และสไตล์ จะมีวันที่ต่อให้เราชนะ ผมก็อาจจะไม่พอใจและจะชี้ให้เห็นว่าทำไม”

 

สิ่งที่เขาพูด เราเริ่มพอจะได้เห็นบ้างแล้วใน 3 นัดที่ผ่านมา เชลซีที่เคยเป็นทีมที่ต่างคนต่างเล่น ไม่เน้นจังหวะ ไม่ต้องรักษาวินัยมากนัก ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นทีมที่แตกต่างจากเดิม

 

ความโชคดีของทูเคิลคือ ในวงออร์เคสตราลูกหนังของเขาวงนี้นั้น เต็มไปด้วยเหล่าสมาชิกที่มีความสามารถสูง หลายคนเป็นเด็กมีพรสวรรค์


เด็กเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนเรื่องการเล่นมากนัก สิ่งที่พวกเขาต้องการคือใครสักคนที่จะนำทางพวกเขาให้ก้าวเดินไปด้วยกันได้

 

และทูเคิล ก็ดูมีโอกาสจะเป็นคนนั้นเหมือนกัน

 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

FYI
  • มีนักเตะที่ได้ลงตัวจริงต่อเนื่อง 3 นัดของทูเคิลได้แก่ เอดูอาร์ เมนดี้, รูดิเกอร์, อัซปิลิกวยตา, ฮัดสัน-โอดอย, จอร์จินโญ และ มาเตโอ โควาซิช นักเตะเหล่านี้คือแกนของสโมสร
  • ทูเคิล เป็นโค้ชที่ชื่นชอบในการสลับสับเปลี่ยนระบบและสไตล์การเล่นของทีม ตอนคุมไมนซ์ เขาใช้ระบบ 4-3-1-2 หรือ 4-1-3-2, ที่ดอร์ทมุนด์ใช้ระบบ 4-1-4-1, 4-2-3-1 และ 3-4-3 และที่เปแอสเช ใช้ระบบ 3-4-3, 4-3-3 และ 4-2-2-2 
  • กุนซือชาวเยอรมันมีความคล้ายกับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่ชอบท้าทายขีดความสามารถนักเตะด้วยการให้เล่นตำแหน่งที่ไม่ใช่ตำแหน่งธรรมชาติ ที่เปแอสเช เขาให้กองหลังอย่าง มาร์ควินญอส ไปยืนกองกลางตัวรับและได้ผลดี แต่ไม่ถูกใจ เลโอนาร์โด ผู้อำนวยการสโมสร ซึ่งซื้อตัว ดานิโล กองกลางตัวรับธรรมชาติมาให้ แต่ทูเคิลก็ยังให้มาร์ควินญอส ซึ่งเป็นกองหลังเล่นกองกลาง และให้ ดานิโอล กองกลางไปเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแทน!
  • ทูเคิล เป็นผู้จัดการทีมเชลซีคนแรกที่พาทีมไม่เสียประตูได้ใน 3 เกมแรก ต่อจากโชเซ มูรินโญ ที่เคยทำไว้เมื่อปี 2004
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising