ช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (25 มกราคม) หุ้น GameStop ธุรกิจร้านขายเกมในสหรัฐฯ ราคาพุ่งร้อนแรงภายในวันเดียว จาก 64.75 ดอลลาร์ ไปแตะจุดสูงสุดที่ 159.18 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดิ่งลงอย่างรวดเร็วจนมีระดับต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ และปิดการซื้อขายที่ 76.79 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 18% จากวันก่อนหน้า
สำนักข่าว CNBC ระบุว่า การพุ่งขึ้นของราคาหุ้น GameStop และตามมาด้วยการร่วงลงอย่างรวดเร็ว เป็นสัญญาณฟองสบู่ของการเก็งกำไร ซึ่งอาจเป็นการเตือนล่วงหน้าว่าตลาดกำลังจะปรับฐานในวงกว้าง
ความผันผวนเข้ามากระทบต่อหุ้นทั้งตลาด โดยที่หุ้นบางตัวเป็นหุ้นที่มีสถานะชอร์ต (Short) ค่อนข้างสูง ก่อนจะถูกบีบให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อเพื่อปิดสถานะชอร์ต (Short Covering)
ทั้งนี้ Scott Redler พาร์ตเนอร์ของ T3Live.com กล่าวว่า หุ้น GameStop เป็นหนึ่งในหุ้นที่เป็นเป้าหมายของการ Short มากที่สุดก่อนหน้านี้
Julian Emanuel หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนและอนุพันธ์ BTIG กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของการซื้อ Options และการเก็งกำไรในหุ้นที่ร้อนแรงบางตัว เป็นภาพที่คล้ายกับช่วงฟองสบู่ดอตคอมเมื่อปี 2000 Julian กล่าวว่า หากตลาดปรับตัวคล้ายกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้สูงมากที่ดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 5,047 จุด ก่อนที่ ‘ภาวะกระทิง’ จะสิ้นสุดลง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดการณ์ว่ามันจะพุ่งขึ้นแรงถึงขนาดนั้น
นักกลยุทธ์ส่วนมากคาดว่าดัชนี S&P 500 ณ สิ้นปี 2021 จะปิดสูงกว่าเมื่อปลายปีก่อน จากการสำรวจมุมมองของนักกลยุทธ์โดย CNBC พบว่าค่ากลางของดัชนีที่ประเมินกันไว้คือ 4,100 จุด แต่หลายคนก็มองว่าจะเห็นการพักฐานอย่างน้อย 1 ครั้ง ในช่วงต้นปีนี้ ล่าสุด ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,855 จุด
“เรายังไม่เห็นสัญญาณที่แน่ชัดของจุดพีกในระยะกลาง แต่ด้วยความผันผวนของตลาดในเวลานี้ ทำให้เราเชื่อว่ามีความคล้ายคลึงกับปี 1999-2000 ซึ่งอาจทำให้เราเห็นการย่อตัวในระดับ 15-20% ได้ตลอดเวลา”
จากสิ่งที่เราเห็นขณะนี้ ด้วยระดับของการเก็งกำไร ทำให้เราสรุปได้ว่านักลงทุนรายย่อยโดยรวมมองตลาดค่อนข้างเชิงบวก (Bullish) อิงจากช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยมูลค่า ณ ปัจจุบัน ยังมีช่องว่างให้ตลาดวิ่งขึ้นได้ต่อ ถึงแม้ว่าจะมีการพักฐานในช่วงสั้นเกิดขึ้น
ขณะที่นักกลยุทธ์ของ Bank of America มองเช่นกันว่าจะยังไม่เกิดฟองสบู่ขึ้นในเร็ววันนี้
“แม้แต่ดัชนีที่เป็นฟองสบู่มากที่สุดในเวลานี้ ก็ยังคงปรับตัวขึ้นได้ไม่เท่ากับช่วงฟองสบู่ที่ผ่านมา โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 96% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงก่อนฟองสบู่แตกเมื่อปี 2000 ดัชนี NASDAQ พุ่งขึ้น 201% ขณะที่ดัชนี S&P 500 รอบนี้ปรับขึ้น 44% เทียบกับ 98% ในช่วงปลายของทศวรรษที่ 90 ขณะที่ MSCI World ex US ปัจจุบันยังอยู่ในระดับเดียวกับเมื่อ 3 ปีก่อน ดังนั้นจึงยังไม่ถึงขั้นฟองสบู่”
ด้าน Bloomberg ระบุว่า The People’s Bank of China (PBOC) ได้ถอนเงิน จำนวน 7.8 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ ออกจากระบบธนาคาร ท่ามกลางความกังวลในเรื่องของฟองสบู่
Ma Jun ที่ปรึกษาของ PBOC เปิดเผยผ่านสื่อในประเทศว่า ความเสี่ยงเรื่องของฟองสบู่ในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ตลาดหุ้น หรือตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะยังคงดำเนินต่อไป หากจีนไม่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของอัตราการจ้างงานและการบริหารเงินเฟ้อ
สภาพคล่องที่สูงมากหนุนให้ราคาหุ้นในฮ่องกงและจีนพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยนักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้เข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกงรวมเป็นมูลค่าถึง 2.59 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง คิดเป็นประมาณ 40% ของมูลค่าตลาดรวมปีที่แล้ว
Yi Gang ผู้ว่าการ PBOC กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนพยายามมองหาแนวทางในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็พยายามจำกัดความเสี่ยงในระบบการเงิน
ทั้งนี้ ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ล่าสุดร่วงลง 2% จากจุดสูงสุดนับแต่ปี 2018 กดดันจากหุ้นใหญ่อย่าง Tencent ที่ปรับตัวลง 5% อย่างไรก็ดี ช่วง 1 เดือนก่อนหน้านี้ ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้นมาได้ราว 12% ขณะที่ดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ในจีนอย่าง FTSE China A50 เพิ่มขึ้นราว 10%
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: