วันนี้ (18 มกราคม) สำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซียระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง และเหตุน้ำท่วมทางตอนกลางของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเป็น 96 ราย และมีประชาชนต้องอพยพไปอาศัยในสถานพักพิงอีกเกือบ 70,000 ราย
ราดิเตีย จาติ โฆษกสำนักงานฯ ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 81 ราย หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.2 ตามมาตราแมกนิจูด และเหตุแผ่นดินไหวขนาดแมกนิจูด 5.9 ที่เกิดขึ้นตามมา ที่จังหวัดสุลาเวสีตะวันตกของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 มกราคม และวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ในจังหวัดกาลิมันตันใต้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย หลังเกิดเหตุอุทกภัยเมื่อวันที่ 14 มกราคม เพราะมีฝนตกหนัก
เหตุแผ่นดินไหวทำให้ประชาชนราว 28,000 รายต้องอพยพไปอาศัยในศูนย์อพยพ 25 แห่งในเมืองมามูจู และเขตมาเจเนของจังหวัดสุลาเวสีตะวันตก ขณะที่เหตุน้ำท่วมทำให้ประชาชนอีกเกือบ 40,000 รายต้องย้ายไปอาศัยในศูนย์พักพิงในจังหวัดกาลิมันตันใต้
จาติกล่าวว่า จำนวนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นเป็น 1,150 หลังในเขตมาเจเน และมีตึกโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายอีก 5 แห่ง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังประเมินความเสี่ยงจากเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่ได้รับผลกระทบ
ด้าน โดนิ โมนาร์โด หัวหน้าสำนักงานฯ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กับผู้อพยพเพื่อสกัดการแพร่ระบาด และที่พักพิงสำหรับผู้ไร้บ้านจะถูกจัดให้แยกออกจากกัน
“เจ้าหน้าที่จะทดสอบสารก่อภูมิต้านทานเพื่อทำให้มั่นใจว่า ไม่มีผู้อพยพคนใดติดเชื้อโควิด-19” โมนาร์โดกล่าว
ขณะเดียวกันในจังหวัดกาลิมันตันใต้ เหตุน้ำท่วมทำให้มีบ้านเรือนจมน้ำเกือบ 25,000 หลัง โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม และดำเนินการประเมินความเสี่ยงในพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว
อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์