×

ผู้นำเหล่าทัพของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประณามเหตุม็อบบุกอาคารรัฐสภา พร้อมย้ำเตือนกำลังพลถึงหน้าที่ในการปกป้องรัฐธรรมนูญ

14.01.2021
  • LOADING...
ผู้นำเหล่าทัพของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประณามเหตุม็อบบุกอาคารรัฐสภา พร้อมย้ำเตือนกำลังพลถึงหน้าที่ในการปกป้องรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ผู้นำเหล่าทัพของสหรัฐฯ รวม 8 คน ออกแถลงการณ์ประณามการบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งลงนามโดย มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของกองทัพสหรัฐฯ และเสนาธิการร่วม ซึ่งสมาชิกประกอบด้วยผู้นำจากเหล่าทัพต่างๆ รวมถึงกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 

 

แถลงการณ์เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความไว้วางใจที่ประชาชนมีให้ต่อกำลังพลในการปกป้องประชาชนและรัฐธรรมนูญ และระบุถึงสิ่งที่เคยปฏิบัติมาโดยตลอด อาทิ การเชื่อฟังคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายจากผู้นำพลเรือน การสนับสนุนเจ้าหน้าที่พลเรือนในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน รับรองความปลอดภัยสาธารณะ คุ้มกันและปกป้องรัฐธรรมนูญ จากนั้นจึงกล่าวถึงการบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม พร้อมไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

 

“เราได้รับรู้ถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาซึ่งไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม สิทธิของเสรีภาพในการพูดและการชุมนุมมิได้ให้สิทธิ์แก่ผู้ใดในการใช้ความรุนแรง การปลุกระดมและการจลาจล” แถลงการณ์ดังกล่าวซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นระบุ

 

สำนักข่าว CNN ระบุว่า ถ้อยแถลงส่วนหนึ่งที่เตือนบรรดากำลังพลเกี่ยวกับภาระหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญนั้นแสดงถึงความกังวลของบรรดาผู้นำเหล่าทัพ ที่โดยปกติจะหลีกเลี่ยงการแสดงท่าทีทางการเมืองที่หวือหวา แต่สำหรับครั้งนี้บรรดาผู้นำเหล่าทัพรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องออกแถลงการณ์ ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงความสำคัญอย่างยิ่งของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 20 มกราคมนี้

 

“ในฐานะกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ พวกเราจะต้องแสดงให้เห็นถึงคุณค่าและอุดมการณ์ของประเทศนี้ พวกเราสนับสนุนและปกป้องรัฐธรรมนูญ การกระทำใดๆ ที่รบกวนกระบวนการทางรัฐธรรมนูญนั้นไม่เพียงแค่ขัดแย้งกับประเพณี ค่านิยม และคำปฏิญาณของพวกเราเท่านั้น แต่ยังผิดกฎหมายอีกด้วย” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ

 

แถลงการณ์นี้ยังกล่าวต่อไปถึงการรับรองผลการเลือกตั้งของสภาคองเกรส และระบุว่า “ว่าที่ประธานาธิบดีไบเดนที่จะเข้ารับตำแหน่ง และจะกลายเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนที่ 46 ของเรา”

 

CNN ระบุว่า คำแถลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของกองทัพในการตรวจสอบว่ามีกำลังพลบางตำแหน่งที่อาจเห็นพ้องกับเป้าหมายและความเชื่อของกลุ่มหัวรุนแรงที่ถูกเผยแพร่โดยผู้สนับสนุนทรัมป์บางราย โดยมีข้อมูลว่ากองทัพบกสหรัฐฯ ทำงานร่วมกับหน่วยสืบราชการลับเพื่อตรวจสอบว่ามีทหารรายใดที่จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพิธีสาบานตนที่ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองประวัติด้านความเห็นพ้องกับกลุ่มหัวรุนแรงบ้าง ส่วนกองกำลัง National Guard ของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็เพิ่มการอบรมให้กับกำลังพลว่า หากพบเห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่เหมาะสมก็ควรรายงานตามลำดับการบังคับบัญชา เช่นเดียวกับนโยบายของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ให้กำลังพลทุกคนได้รับการอบรมเป็นประจำทุกปี ภายใต้โครงการที่ต้องการให้กำลังพลของกระทรวงรายงานข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมหัวรุนแรงที่ทราบหรือต้องสงสัย ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคาม นอกจากนี้กองทัพบกสหรัฐฯ ยังร่วมมือกับสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) ในการสืบสวนหาผู้ที่มีส่วนร่วมกับเหตุจลาจลและอาจเชื่อมโยงกับกองทัพบกด้วย

 

แถลงการณ์พิเศษฉบับนี้เน้นย้ำถึงระดับของความท้าทาย ความไม่แน่นอนและความกังวลในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยความมั่นคงของสหรัฐฯ ต่างรีบเร่งที่จะจัดการผลพวงกับความโกลาหลที่เกิดที่อาคารรัฐสภาและทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อทั้ง 50 รัฐต่างเฝ้าระวังความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รัฐในส่วนกลางก็กำลังตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการคุ้มกันบรรดาสมาชิกในฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อมีข้อมูลปรากฏเพิ่มขึ้นว่าผู้สนับสนุนทรัมป์วางแผนที่จะโจมตีและสร้างความปั่นป่วนในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโจ ไบเดน การเฝ้าระวังเหล่านี้ของหน่วยงานความมั่นคงเกิดขึ้นท่ามกลางฉากดราม่าทางการเมืองสหรัฐฯ เมื่อสภาผู้แทนราษฎรคาดว่าจะลงมติในญัตติถอนถอนทรัมป์ครั้งที่สองในวันพุธนี้ และเริ่มเกิดความเห็นต่างที่สำคัญ เมื่อ ส.ส. จากพรรครีพับลิกันบางคนตัดสินใจโหวตเห็นชอบในญัตติถอดถอนทรัมป์ด้วย

 

ขณะเดียวกันทรัมป์ยืนยันว่าเขาเชื่อว่าเขาไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อการจลาจลที่เกิดขึ้นโดยผู้สนับสนุนของเขา แต่ก็ยังไม่ได้เรียกร้องอย่างชัดเจนให้บรรดาผู้สนับสนุนไม่ก่อเหตุโจมตีอาคารรัฐสภาซ้ำอีกครั้ง

 

สถานการณ์ในกรุงวอชิงตันขณะนี้กำลังมีการเตรียมความพร้อมสำหรับทุกเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ มีความพยายามในการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่การรับมืออย่างทันท่วงทีไปจนถึงขั้นตอนต่อเนื่องโดยตำรวจรัฐสภา มีการประกาศปิดถนนรอบอาคารรัฐสภาอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ยังมีความพยายามครั้งใหญ่โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่จะจำลองเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคมขึ้นมาใหม่ รวมถึงตามหาตัวผู้กระทำความผิดในวันนั้นด้วย โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนของรัฐบาลกลางระบุว่า ขอบข่ายของการสอบสวนที่เกิดขึ้นนั้นกว้างขวางอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของ FBI และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และกำลังปะติดปะต่อภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นที่อาจจะช็อกความรู้สึกของผู้คน การสืบสวนนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

 

ขณะที่บรรดาสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติกำลังหารือกันเกี่ยวกับการป้องกันตัวเองหลังเกิดเหตุการณ์จลาจลดังกล่าว โดยอ้างว่ามีสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันบางคนที่อาจติดต่อสื่อสารหรือร่วมมือกับผู้ก่อจลาจล หรือพกปืนเข้ามาในอาคารรัฐสภาซึ่งขัดต่อกฎระเบียบ ขณะที่สำนักข่าว CNN อ้างแหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้ช่วยของสมาชิกสภาคองเกรสรายหนึ่งและตำรวจรัฐสภาอีกรายหนึ่งว่า ตำรวจรัฐสภาได้ติดตั้งเครื่องตรวจจับโลหะ ซึ่งบรรดาทีมงานของสภา สมาชิกสภา ตลอดจนผู้ช่วยสมาชิกสภาจะต้องเดินผ่านเครื่องตรวจนี้

 

ด้าน คริส แวน ฮอลเลน วุฒิสมาชิกจากรัฐแมรีแลนด์ก็ระบุกับ CNN หลังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน ว่า จำนวนผู้ที่คาดว่าจะเดินทางมาที่วอชิงตัน รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มหัวรุนแรงที่ติดอาวุธนั้น ‘น่ากลัว’ อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่าทุกคนจะเตรียมตัวเป็นอย่างดี และการเตรียมการด้านความปลอดภัยทั้งหมดสำหรับพิธีนี้ถือเป็นแนวทางที่ดำเนินการโดยประสานทุกภาคส่วนของรัฐบาล เขายืนยันว่ามีความพยายามในการทำให้พิธีสาบานตนนี้ประสบความสำเร็จให้ได้ ซึ่งตามรายงานพบว่ามีการนัดประชุมเจ้าหน้าที่รัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อหารือข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของพิธีสาบานตนในเชิงลึก และหารือเกี่ยวกับความกังวลที่ว่าบางกิจกรรมในกรุงวอชิงตันอาจกลายเป็นความรุนแรง

 

ภาพ: Andrew Caballero-Reynolds / AFP

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X