การท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่กำลังจะฟื้นกลับมา เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวที่ถือเป็นไฮซีซันของทุกปี หลังก่อนหน้านี้ต้องเผชิญมรสุมหนักจากการระบาดมาตั้งแต่ต้นปี จนทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นหนึ่งในกำลังซื้อหลักหายเกลี้ยง ทว่าข่าวการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีกครั้งได้ดึงความเชื่อมั่นที่เคยกลับมาทรุดลงไปอีกครั้ง
ภูมิรพี จิวนารมณ์ Managing Director โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ต เชียงใหม่ ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD ว่า หลังจากมีข่าวลูกค้าได้ทยอยสอบถามมาเป็นระยะว่าสามารถเลื่อนได้ไหม เพราะไม่สบายใจที่จะเดินทางมาในช่วงนี้ โดยมีติดต่อเข้ามาวันละ 2-3 ห้อง
แต่กลุ่มที่หายไปจริงๆ คือกรุ๊ปทัวร์ที่จองครั้งละ 40-50 ห้อง มียกเลิกไปแล้ว 10 กว่ากลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นการจองในเดือนธันวาคมทั้งสิ้น โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากเชียงใหม่มีสถานการณ์เสี่ยง ถ้าพนักงานมาแล้วจะต้องกลับไปกักตัว 14 วัน จึงไม่สะดวกที่จะมาแล้ว
โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ต เป็นโรงแรม 5 ดาวที่มีจำนวนทั้งสิ้น 168 ห้อง ปกติแล้วฐานลูกค้าหลักจะเป็นกรุ๊ปนักท่องเที่ยวชาวจีน 70-80% แต่หลังเกิดการระบาดของโรคทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้หายไป 100% โรงแรมจึงต้องหันมาโฟกัสลูกค้ากลุ่มคนไทยมากขึ้น และยังไม่ปรับราคาขึ้นจากปกติราคา 1,800-4,900 บาท ซึ่งเดิมในปีนี้วางแผนจะปรับราคาห้องขั้นต่ำขึ้นเป็น 2,000 บาท
สถานการณ์ของโรงแรมเพิ่งกลับมาดีขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ราว 20-30% จากช่วงเวลาปกติ ขณะเดียวกันได้รับอานิสงส์จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยมาพักมากขึ้น
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่ากังวลใจเหมือนกัน โดยหลังจากนี้หากไม่มีข่าวพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก เชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ กลับมาดีขึ้น ขณะเดียวกันเราเองก็ต้องปรับตัว โดยพนักงานไม่ได้จ้างเป็นรายเดือนทั้งหมด ปรับมาจ้างเป็นรายวัน พร้อมกับลดค่าใช้จ่าย และทำตัวเองให้ยืดหยุ่น ขณะเดียวกันพอไม่มีนักท่องเที่ยวจีนเราก็สามารถอยู่ได้แม้จะปิดไป 1 รอบ โดยเราประเมินว่าจะสามารถประคองตัวเองได้อีก 1 ปี แต่ปีที่ 2 ไม่แน่ว่าจะอยู่ไหวไหม”
ขณะที่ ธนิต ชุมแสง นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD ว่า ข้อมูลจากวงในระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่มีร้านอาหารอยู่ประมาณ 12,800 ร้าน มีจำนวนมากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ โดยเราพบว่าสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ร้านค้าต้องปิดตัวลง 10% ซึ่งบางส่วนเป็นร้านอาหารที่ขายไม่ค่อยดีอยู่แล้ว พอเจอการระบาดเลยกระทบหนัก
ส่วนร้านอีก 90% ที่กลับมาเปิดแล้วบางร้านก็มีลูกค้าเยอะขึ้น บางร้านลูกค้าหายไปก็มี โดยร้านที่ลูกค้าเยอะขึ้นพบว่าเป็นร้านที่ลูกค้ามีความมั่นใจในการใช้บริการ มีระบบคัดกรอง และเป็นร้านแบบโอเพ่นแอร์
สำหรับข่าวที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้กระทบธุรกิจอยู่เหมือนกัน โดยปกติแล้วในช่วงนี้ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 30% แต่วันนี้ยอดขายดังกล่าวหายไปเลย แม้คนเชียงใหม่จะเดินเข้าร้านอาหารตามปกติ แต่หากร้านไหนที่มีลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวด้วยยอดขายจะหายไปอีก 20% ส่วนสถานบันเทิงที่เป็นผับ บาร์ ยอดขายหายไป 50% ด้วยเช่นกัน
“ทุกคนตกใจเหมือนกันหมด ทุกคนมองไปข้างหน้ากำลังจะเห็นแสงสว่างกันแล้ว ในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายนกำลังดีเลย บางร้านกลับมานับ 8-9 กันแล้ว และกำลังจะเต็ม 10 กลายเป็นว่าข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ร้านอาหารต้องกลับมานับ 4 นับ 5 กันใหม่”
ธนิตกล่าวอีกว่า ตอนนี้ทุกคนกำลังลุ้นว่า หากไม่พบตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่สถานการณ์ก็น่าจะค่อยๆ ดีขึ้น และนักท่องเที่ยวจะกลับมาเหมือนเดิน ซึ่งอย่างที่ภาคเอกชนลงขันมองเงิน 1 แสนบาทหากติดโควิด-19 ก็เป็นมาตรการสร้างความเชื่อมั่นได้ดี
ส่วนสิ่งที่อยากให้ทำมากขึ้นในแง่ของภาครัฐคือการเข้มงวดเรื่องชายแดนไม่ให้มีผู้ลักลอบกลับเข้ามาแบบผิดกฎหมายอีก เหล่านี้เป็นเรื่องของภาครัฐที่ต้องมีมาตรการที่รัดกุม
ด้าน สรัสวดี อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD ว่า ช่วงหยุดยาวระหว่างวันที่ 10-13 ในภาคเหนือประเมินอัตรการเข้าพักจะเพิ่มขึ้น 63% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นประมาณ 5 หมื่นคน และมีมูลค่าการท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 2.6 พันล้านบาท
สำหรับข่าวพบผู้ติดเชื้อนั้น จากการสอบถามของ ททท. ไปที่สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ พบว่า มีการยกเลิกที่พักราว 2% คิดเป็นความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ที่ยกเลิกเป็นกรุ๊ปสัมมนาของภาครัฐ รองลงมาเป็นกรุ๊ปเอกชน ขณะที่ข้อมูลจากกลุ่มสายการบินพบว่ามีการขอเลื่อนเที่ยวบินประมาณ 2-3% ซึ่งสายการบินแจ้งว่าเป็นตัวเลขปกติที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว
สำหรับกลุ่มครอบครัวและกลุ่มที่เดินทางเองนั้นยังไม่ค่อยมีคนยกเลิกมากนัก โดยสิ่งที่ ททท. พบคือ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวคนไทยจะหันไปเที่ยวเมืองรองมากขึ้น เช่น น่าน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน ลำปาง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการไปเที่ยวเมืองหลักเช่นเชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และหัวเมือง
“ผลกระทบที่เราพบมีอยู่บ้างเล็กน้อย สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือเร่งสร้างความมั่นใจ อย่างกรณีที่ภาคเอกชนเชียงใหม่ลงขันหากติดโควิด-19 โดยดำเนินมาตรการป้องกันตามปกติ จะจ่ายให้ 1 แสนบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีสร้างความมั่นใจ ซึ่งต่อไปภาครัฐก็จะเข้าไปเสริมด้วย”
ในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะเดินทางไปเชียงใหม่ โดยร่วมกับทางจังหวัดในการทำกิจกรรมสร้างความมั่นใจต่างๆ ขณะเดียวกันในส่วนของ ททท. ได้สั่งการไปยังสำนักงาน ททท. อีก 11 แห่งกลุ่มภาคเหนือ หากมีการจัดกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นของรัฐและเอกชน จะต้องเข้าไปให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน SHA และสาธารณสุข
สำหรับในปีหน้า เบื้องต้น ททท. วางแผนระยะสั้นใน 2 เรื่องคือ กระตุ้นให้คนไทยหันมาเที่ยวไทยมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศ และเรื่องที่สองช่วยให้ผู้ประกอบการมีแรงสู้กับสถานการณ์ต่อไป
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
