วานนี้ (22 พฤศจิกายน) ท่าเรือลอสแอนเจลิส (The Port of Los Angeles) ซึ่งเป็นท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อนับจากปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ มีการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ 980,729 TEU (หน่วยนับสินค้าที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ความยาว 20 ฟุต) ในเดือนตุลาคม สร้างสถิติเป็นเดือนที่การขนส่งคึกคักที่สุดในประวัติศาสตร์ 114 ปีของท่าเรือแห่งนี้
ข้อมูลซึ่งเผยแพร่โดยท่าเรือเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมาระบุว่า ปริมาณตู้สินค้าที่ถูกเคลื่อนย้ายทั้งหมดในเดือนตุลาคม 2020 เพิ่มขึ้น 27.3% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมปี 2019 แซงหน้าสถิติเดิมที่ทำไว้ในเดือนสิงหาคมปีนี้ที่ 961,833 TEU ปริมาณสินค้านำเข้าของท่าเรือแตะ 506,613 TEU ส่วนปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.6% แตะที่ 143,936 TEU ขณะเดียวกันจำนวนตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเพิ่มขึ้น 39.9% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมปี 2019 แตะที่ 330,180 TEU
ทางท่าเรือเผยว่าจำนวนตู้สินค้าทั้งหมดในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2020 นี้ เมื่อนับจนถึงเดือนตุลาคมยังคงน้อยกว่าปี 2019 ถึง 5.3%
ทางการท่าเรือเตือนว่าแม้ปริมาณทั้งหมดจะดูแข็งแกร่ง แต่ตัวเลขที่ออกมายังแสดงให้เห็นว่าการขาดดุลการค้าอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง
จิน เซโรกา กรรมการบริหารท่าเรือ กล่าวในการประชุมออนไลน์ว่า “ตู้คอนเทนเนอร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศทุก 3.5 ตู้ มีแค่คอนเทนเนอร์ 1 ตู้เท่านั้นที่ได้ออกจากสหรัฐฯ พร้อมกับสินค้าส่งออก การค้าขายทางเดียวจะไม่ทำให้ชาวอเมริกันกลับมามีงานทำ ทั้งยังเพิ่มอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ให้ห่วงโซ่อุปสงค์”
พอล บิงแฮม นักเศรษฐศาสตร์การขนส่งจาก IHS Markit กล่าวในเว็บไซต์ Transport Topics เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า อีคอมเมิร์ซเป็นเหตุผลหลักที่ท่าเรือพลุกพล่าน โดยเฉพาะท่าเรือในชายฝั่งตะวันตกของประเทศ
บิงแฮมชี้ว่าปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดข้อเดียวคือการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ครัวเรือนในสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนการบริโภคบริการไปเป็นสินค้า และพวกเขาซื้อสินค้าจำนวนมากผ่านอีคอมเมิร์ซ พร้อมปิดท้ายว่าการฟื้นตัวในไตรมาส 2 นั้นเป็นที่น่าประทับใจ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว