แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 อาจทำให้ภาคเศรษฐกิจได้รับแรงสั่นสะเทือน บริษัท ห้างร้านต่างๆ ได้รับผลกระทบจากการรัดเข็มขัดของผู้บริโภค แต่ดูเหมือนว่าบริษัทเทคโนโลยีผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเกาหลีใต้อย่าง Samsung จะไม่สะทกสะท้านสักเท่าไร เมื่อเปิดผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา (กรกฎาคมถึงกันยายน) และพบว่า บริษัทมีรายได้รวมที่ 66.96 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 1.84 ล้านล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 8%
ส่วนกำไรสุทธิของ Samsung อยู่ที่ 9.36 ล้านล้านวอน หรือราว 2.58 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 48.8%
เมื่อจำแนกรายได้ของ Samsung ตามแผนกธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 จะพบว่า ธุรกิจในกลุ่มสมาร์ทโฟนและไอที (IT & Mobile Communications) ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำเงินให้กับบริษัทเช่นเคย โดยทำรายได้ไปทั้งสิ้น 30.49 ล้านล้านวอน หรือกว่า 8.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 4%
สาเหตุสำคัญมาจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงพร้อมกันในช่วงไตรมาส 3 นี้มากถึง 2 โมเดล ประกอบด้วย Note20 และ Z Fold2 การที่ยอดขายสมาร์ทโฟนรุ่นที่ผลิตออกมาเพื่อวางจำหน่ายในตลาดกระแสหลักเริ่มกลับมาฟื้นตัว และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ตลอดจนยอดขายของสินค้าในกลุ่มแท็บเล็ตและอุปกรณ์ Wearables Device ที่แข็งแกร่ง
ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค (Consumer Electronics) เป็นหน่วยธุรกิจที่มี ‘รายได้เติบโตมากที่สุด’ ที่ 27% กวาดรายรับไปทั้งสิ้นราว 14.09 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 3.88 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ Samsung กลับมองว่า รายได้และผลประกอบการของพวกเขาอาจจะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนกับไตรมาส 3 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เนื่องจากหลายๆ เหตุผล เช่น การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนที่ดุเดือดจากการที่ค่ายคู่แข่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา, ค่าใช้จ่ายสำหรับงบการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว, ยอดขายอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับใช้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ไม่คึกคัก (B2B)
แต่ Smasung ยืนยันว่า จะยังคงดำเนินการตามเป้าหมายหลักในแผนธุรกิจที่วางไว้ ทั้งการเดินหน้าขยายโครงข่าย 5G ให้ครอบคลุมทั่วทั้งเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น ตลอดจนอเมริกาตอนเหนือ การผลักดันพัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนจอพับได้ให้ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และการเปิดตัวสินค้าโทรทัศน์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ Quantum Dot ในช่วงปี 2021 ที่จะถึงนี้
นอกเหนือจากนี้ อีกประเด็นที่น่าจับตาคือ ภายหลังจากการเสียชีวิตของ อีกอนฮี ประธานบริหารบริษัท Samsung Electronics ในวัย 78 ปี ใครจะเป็นผู้ที่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งแม่ทัพบริษัทเทคโนโลยีดังกล่าวต่อจากเขาในช่วงรอยต่อที่เกิดขึ้น ซึ่งสื่อหลายสำนักคาดว่า อีแจยง รองประธานของ Samsung Electronics และลูกชายของอดีตประธานบริษัทผู้ล่วงลับ น่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานบริษัท Samsung ต่อจากเขา
ซึ่งแน่นอนว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง อีแจยง จะต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาจากการนำพาอาณาจักรที่พ่อของเขาสร้างไว้ให้มุ่งทะยานไปยังอนาคตข้างหน้า ตลอดจนการสะสางคดีความการทุจริตที่เขาเคยมีเอี่ยวเข้าไปพัวพันให้หมดสิ้น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://images.samsung.com/is/content/samsung/p5/global/ir/docs/2020_3Q_conference_eng.pdf
- https://edition.cnn.com/2020/10/29/tech/samsung-earnings-intl-hnk/index.html?utm_content=2020-10-29T04%3A59%3A31&utm_source=twbusiness&utm_medium=social&utm_term=link
- https://www.engadget.com/samsung-q3-2020-012410766.html