×

กองทุนแนะ ‘กระจายความเสี่ยง’ เน้นลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายเลี่ยงตลาดหุ้นผันผวน

26.10.2020
  • LOADING...
กองทุนแนะ ‘กระจายความเสี่ยง’ เน้นลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายเลี่ยงตลาดหุ้นผันผวน

นักลงทุนสถาบันแนะลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง เน้นลงทุนอย่างหลากหลาย ทั้งเงินฝาก-ตราสารหนี้และหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงด้านการลงทุนในช่วงการเมืองกดดันตลาดหุ้น 

 

สันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยระยะ 1 เดือนจากนี้ สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อ จึงเป็นปัจจัยหลักที่จะกดดันให้ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามตลาดภูมิภาค ส่วนผลกระทบจะนานเพียงใด ขึ้นอยู่กับความยืดเยื้อและความสามารถของรัฐบาลในการควบคุม  

 

แนะจัดพอร์ตตามระดับความเสี่ยง

สันติกล่าวว่า แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ไปแล้ว แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากเราพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นสัดส่วนที่สูง ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยโดยรวมยังมีไม่มากในช่วง 1 เดือนนี้

 

จากความไม่แน่นอนต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนของสินทรัพย์ทางการเงิน การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนยังคงเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรตระหนักถึงในการจัดพอร์ตการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก โดยนอกจากจะลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลักของพอร์ตแล้ว ยังสามารถเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางหรือระยะยาวบางส่วน เนื่องจากสภาวะดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะยังอยู่ในระดับต่ำไปอีก 1-2 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย 

 

นอกจากนั้นการกระจายการลงทุนไปลงทุนตราสารทุนต่างประเทศก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง เนื่องจากเศรษฐกิจในบางประเทศยังคงเติบโตได้ดีและมีหมวดอุตสาหกรรมในธุรกิจที่ได้รับผลดีจากโลกในยุค New Normal ที่ยังมีโอกาสการเติบโตอีกมาก  

 

สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นในช่วงนี้ คาดว่าปัจจัยในประเทศจะมีผลต่อตลาดหุ้นค่อนข้างมากกว่าปัจจัยภายนอก โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นทางการเมือง เพราะหากมีความยืดเยื้อก็จะส่งผลต่อกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการกระตุ้นการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องหรือไม่ 

 

นอกจากนี้ช่วงที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศกำลังจะประกาศออกมา คาดว่าจะทำให้นักลงทุนกลับมาให้น้ำหนักกับปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น  ซึ่งถ้าออกมาฟื้นตัวตามที่ตลาดคาดการณ์ ก็จะเป็น Sentiment เชิงบวกให้กับตลาดหุ้นได้ 

 

สำหรับปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีน ซึ่งเป็นความหวังในการฟื้นตัว ทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การติดเชื้อในต่างประเทศ การเลือกตั้งของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางของกระแส Fund Flow ว่าจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาด Emerging Market หรือไม่ นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของประเทศต่างๆ เป็นต้น

 

ด้าน สุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย (KAsset) กล่าวว่า การกระจายการลงทุน (Diversification) ถือเป็นกลยุทธ์ที่สามารถลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงประเภทเดียว ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

โดย บลจ.กสิกรไทย แนะนำกระจายการลงทุนผ่าน Balanced Fund หรือ กองทุนผสม ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม-A ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ (K-GINCOME-A(R)) กองทุนเปิดเค ฟิต แอลโลเคชั่น (K-FIT) และบริการ Wealth PLUS ซึ่งเป็นฟีเจอร์ช่วยจัดพอร์ตลงทุนส่วนตัวบน K PLUS เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนภายใต้สถานการณ์การลงทุนที่ยังคงมีความผันผวนสูง

 

สำหรับพอร์ตของกองทุนและบริการดังกล่าวจะกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก เป็นต้น อีกทั้งยังมีการปรับสัดส่วนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising