วันนี้ (8 ตุลาคม) สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยคลี่คลายลง และเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานของนายจ้างและสถานประกอบการที่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการดำเนินกิจการ คณะรัฐมนตรีจึงได้เห็นชอบมาตรการผ่อนปรนตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านกำลังแรงงานในการฟื้นฟูประเทศ และเป็นการลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มาจากคนต่างด้าวรายใหม่ซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยขณะนี้ใกล้จะสิ้นสุดระยะเวลาการยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานแล้ว
.
“กระทรวงแรงงาน ขอย้ำเตือนให้นายจ้างและสถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ได้แก่ กลุ่มที่ 1 แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลง MOU ซึ่งครบวาระการจ้างงาน 4 ปี กลุ่มที่ 2 แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ ถือเอกสารประจำตัวได้แก่ หนังสือเดินทาง (PP) เอกสารเดินทาง (TD) เอกสารรับรองบุคคล (CI) ที่ใบอนุญาตทำงานและการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดในช่วงตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2562-30 มิถุนายน 2563 แต่ไม่ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 กลุ่มที่ 3 แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลง MOU ที่การอนุญาตทำงานสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมายตามมาตรา 50 มาตรา 53 หรือมาตรา 55 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เช่น ออกจากนายจ้างรายเดิม แต่หานายจ้างรายใหม่ไม่ได้ภายใน 30 วัน กลุ่มที่ 4 แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและเมียนมาที่เข้ามาทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือตามฤดูกาล โดยใช้บัตรผ่านแดน (Border Pass) ตามความตกลงว่าด้วยการข้ามแดน ตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ ซึ่งครบวาระการจ้างงาน และการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุด รีบมาดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานกับกรมการจัดหางานภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 และไปดำเนินการขั้นตอนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้สามารถอยู่และทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย” สุชาติกล่าว
.
ด้านสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการว่า แรงงานต่างด้าวกลุ่มที่ 1-3 ต้องยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ตามที่ตั้งของสถานประกอบการภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 ซึ่งใบอนุญาตทำงานจะสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563-31 มีนาคม 2565 หลังจากนั้นคนต่างด้าวต้องตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพกับโรงพยาบาลของรัฐที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด (กรณีไม่มีประกันสังคม) และยื่นขอรับการตรวจอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว (Visa) ต่อไป กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภายในวันที่ 31 มกราคม 2564 และขั้นตอนสุดท้ายคือ การจัดทำและปรับปรุงทะเบียนประวัติ ออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) ที่มีใบอนุญาตทำงานด้านหลังบัตรกับกรมการปกครอง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-31 มีนาคม 2564
.
อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าวอีกด้วยว่า ส่วนคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือตามฤดูกาลบริเวณชายแดน ที่ถือบัตรบัตรผ่านแดน (Border Pass) ต้องยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 และคนต่างด้าวต้องตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพ (กรณีไม่มีประกันสังคม) ภายในวันที่ 31 มกราคม 2564 โดยใบอนุญาตทำงานมีอายุครั้งละ 3 เดือน แต่สามารถขอต่อเนื่องได้ไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม 2565
.
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2563 พบว่า แรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวได้ขอรับใบอนุญาตทำงานไปแล้วทั้งสิ้น 61,193 คน โดยแยกเป็นสัญชาติกัมพูชา 17,463 คน ลาว 3,517 คน และเมียนมา 40,213 คน
.
“หากพ้นกำหนดระยะเวลาการดำเนินการดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบ แรงงานต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ จะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท และถูกผลักดันกลับประเทศ ส่วนนายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และถ้ายังพบการกระทำผิดซ้ำจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี” อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าว
.
ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่ไลน์ @Service_Workpermit หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล