เกิดอะไรขึ้น:
วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 136 ล้านบาท ลดลง 82%YoY และลดลง 81%QoQ ต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยกำไรสุทธิที่ลดลงเกิดจากกำไรจาก NPL ภายใต้การบริหารที่ปรับตัวลดลง รวมถึงการเรียกเก็บเงินสดในเดือนเมษายนและพฤษภาคมลดลงเนื่องจากการเลื่อนจัดประมูลขายทอดตลาดผ่านทางกรมบังคับคดีออกไปในช่วงล็อกดาวน์
กระทบอย่างไร:
เมื่อวานนี้ (31 สิงหาคม) ราคาหุ้น BAM ปรับตัวลงทันทีหลังจากเปิดทำการซื้อขายและปิดที่ระดับ 23.30 บาท ลดลง 4.9%DoD ขณะที่วันนี้ (1 กันยายน) ราคาหุ้น BAM ยังปรับตัวลง 1.29%DoD สู่ระดับ 23.00 บาท (ราคาปิดล่าสุด ณ 12.30 น.)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่าสาเหตุที่ราคาหุ้น BAM ปรับตัวลงแรงเกิดจากกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ประกาศต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไว้กว่า 80% โดยเฉพาะรายการกำไรจาก NPL ที่หดตัวลง ซึ่งเป็นรายการที่คาดการณ์ยาก ทั้งนี้ SCBS คาดว่ากำไรสุทธิของ BAM ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2/63 และคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง 2563
ในเชิงกลยุทธ์ SCBS มองว่าราคาหุ้นได้ตอบสนองต่อปัจจัยลบดังกล่าวแล้วในระดับหนึ่ง และเริ่มมี Downside จำกัดที่บริเวณ 22.00-23.00 บาท
มุมมองระยะยาว:
ด้านแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2563 ของ BAM SCBS คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในลักษณะ V-Shape จากการเปิดตัวแคมเปญการตลาดเพื่อขาย NPA และกรมบังคับคดีกลับมาจัดการขายทอดตลาดอีกครั้งภายหลังจากมาตรการล็อกดาวน์สิ้นสุดลง นอกจากนี้ BAM ยังได้เตรียมรับรู้ผลประโยชน์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีในปีนี้หากได้รับความเห็นชอบจากกรมสรรพากรและผู้สอบบัญชี โดย BAM รายงานว่า ณ ไตรมาส 2/63 บริษัทมีผลประโยชน์ทางภาษีรอการตัดบัญชีจำนวน 4.94 พันล้านบาท ซึ่งเกิดจากผลต่างชั่วคราวทางด้านบัญชีและภาษีอากร
ในระยะยาวต้องติดตามการเข้าซื้อ NPL และ NPA เพิ่มเติมท่ามกลางทิศทางเศรษฐกิจที่หดตัว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อทิศทางผลประกอบการของบริษัท
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
