วันนี้ (20 สิงหาคม) เมื่อเวลา 15.20 น. มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ซีอีโอ บมจ.เมืองไทยประกันภัย มอบหมายให้ รัชนีกร มีสมมนต์ รองกรรมการผู้จัดการ และ วิทูรณ์ ชมชายผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้แทนเมืองไทยประกันภัย พร้อมนักกีฬาฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่ไม่มีรายการแข่งขันในขณะนี้ ในฐานะพนักงานเมืองไทยประกันภัย ร่วมส่งมอบเช็คบริจาคจำนวนเงิน 16 ล้านบาท แก่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ เตชินี เดือนกระจ่าง หัวหน้าฝ่ายบัญชี เป็นผู้รับมอบ ในฐานะที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เจ้าของสิทธิ์ในการบริหารจัดการและดำเนินกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลของประเทศไทย ทั้งการบริหารจัดการฟุตบอลทีมชาติไทย ฟุตซอล และฟุตบอลชายหาด ตลอดจนการบริหารเกี่ยวกับรายการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นรากฐานของการพัฒนาฟุตบอลทีมชาติไทย
โดยทางเมืองไทยประกันภัยได้ออกแถลงการณ์ถึงการสนับสนุนเงินจำนวน 16 ล้านบาทในครั้งนี้ว่า
“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อันส่งผลกระทบรุนแรงต่อวงการฟุตบอลทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ทำให้การแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทย ฟุตซอล ฟุตบอลชายหาดทุกชุด ไม่เป็นไปตามกำหนดการแข่งขันตลอดปี 2020โดยเฉพาะฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของการสนับสนุนจากบริษัทฯ ตลอดปีนี้ไม่มีโปรแกรมการแข่งขัน ดังนั้น บริษัทฯ จึงหวังที่จะให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ใช้เงินจำนวนดังกล่าวนี้ เพื่อนำระบบ Video Assistant Referee (VAR) มาใช้ในการแข่งขันระดับไทยลีก ตลอดฤดูกาล 2020 ซึ่งถือเป็นรากฐานของการพัฒนาฟุตบอลไทย อันจะนำมาซึ่งประโยชน์โดยรวมแก่วงการฟุตบอลของประเทศไทย”
ด้านพาทิศ ในฐานะตัวแทนสมาคมฯ กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ให้ความช่วยเหลือในห้วงวิกฤต ณ ตอนนี้ แน่นอนว่าทางสมาคมฯ จะพยายามนำเงินดังกล่าวไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่กีฬาฟุตบอล ตามที่สมาคมฯ ได้วางแผนการเงินและรับรองโดยที่ประชุมใหญ่ประจำปี ตามกรอบการเงิน
“สมาคมฯ ทราบดีถึงความต้องการของหลายสโมสร ที่อยากให้นำเงินส่วนนี้ไปใช้ในการพัฒนาฟุตบอลลีกชาย ในเรื่องการนำเทคโนโลยี VAR มาใช้ เพื่อให้การแข่งขันฟุตบอลมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม
“ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางสมาคมฯ ได้ประสานงานกับ IFAB, FIFA และ AFC เกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ซึ่งทาง IFAB ได้ให้คำแนะนำในเรื่องดังกล่าว ว่า หลักการจะใช้ VAR ควรจะใช้ในช่วงเวลาที่สำคัญ ยกตัวอย่าง เป็นทุกแมตช์ทุกคู่ ในช่วง 5 นัดสุดท้ายของฟุตบอลลีกหรือฟุตบอลถ้วย ในรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ เป็นต้น
“อีกเรื่องหนึ่งที่สมาคมฯ ต้องระมัดระวังก็คือ VAR ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีกระบวนการเพื่อช่วยผู้ตัดสิน และมีทรัพยากรบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องระมัดระวังอย่างมากในการที่จะให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการแข่งขันในแต่ละนัดเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ในการสนับสนุนให้การตัดสินเป็นไปด้วยความยุติธรรม
“นอกจากนี้ IFAB ยังได้แสดงความเป็นกังวลว่า หากมีบางสโมสรได้ใช้ บางสโมสรไม่ได้ใช้ จะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน จึงอยากให้สมาคมเป็นผู้ตัดสินใจ บนมาตรฐานที่ทุกสโมสรยอมรับได้ และควรใช้ไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น จึงต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติมหลังจากที่สโมสรแจ้งตอบรับเรื่องการออกค่าใช้จ่ายที่ยังมีไม่มาก
“ดังนั้น นโยบายของสมาคมฯ โดย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ต้องการให้ทุกสโมสรเข้าถึงการใช้งาน VAR อย่างเท่าเทียมกัน และเป็นไปตามมาตรฐานของ IFAB ในการใช้ VAR ประจำปี 2020 แม้จะมีงบประมาณที่จำกัด ท่านนายกสมาคมฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบในการหางบประมาณ เพื่อนำมาใช้จ่ายในเรื่องของ VAR ในไทยลีกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่ฟุตบอลไทยลีกจะกลับมาแข่งขันในวันที่ 12 กันยายนนี้ เพื่อความสบายใจของทุกสโมสรสมาชิก โดยสโมสรไม่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทุกแมตช์”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
