เมื่อ 3 ปีก่อน เรามีโอกาสพูดคุยกับ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร ในวันที่เพิ่งถอด ‘หน้ากากจิงโจ้’ และสร้างปรากฏการณ์ ‘คุณหลวง’ และ ‘นุช’ หนึ่งในกลุ่มแฟนคลับที่น่ารักและเหนียวแน่นที่สุดในประเทศไทย
ในวันนั้นเป๊กเล่าเรื่องราวชีวิตไปถึงวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความโลดโผน พูดถึงความพยายามที่ไม่เคยสำเร็จ ไปจนถึงช่วงเวลาที่ทุกคนกลับมายอมรับในตัวตนของเขาอีกครั้งด้วยแววตาแห่งความสุข และน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน (อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ https://thestandard.co/culture-music-peck-palitchoke/)
วันนี้ THE STANDARD POP มีโอกาสนั่งคุยกับเป๊กอีกครั้ง ผ่าน 5 บทเพลงในอัลบั้มพิเศษที่ชื่อ A Little Thing ที่เป๊กสื่อความหมายถึงการ ‘ช่างมัน’ ได้อย่างน่าสนใจ รวมทั้งทบทวนบทเรียนชีวิตในช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 36 ปีในวันนี้ (9 สิงหาคม 2563) พอดี
เป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยยืนยันว่าชีวิตนี้ยังเต็มไปด้วย ‘ความสุข’ แต่ในขณะเดียวกันชีวิตก็เป็นเรื่อง ‘ยาก’ และมีเรื่องให้ต้อง ‘เจ็บปวด’ มากเหมือนกัน
อยากให้ลองทบทวนดูก่อนว่าช่วงชีวิต 1 ปีที่ผ่านมาของ ‘คุณหลวงผลิต’ ก่อนที่จะอายุ 36 ปีเป็นอย่างไรบ้าง
มีความสุขนะครับ ทั้งเรื่องชีวิต หน้าที่การงาน เป็นปีที่ดีจนรู้สึกว่าอยากให้ทุกอย่างไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แล้วเราหยุดอายุเอาไว้เท่านี้ได้ เพราะว่ากำลังสนุกและพอดีกับชีวิตมาก
แต่ถ้าพูดถึงวันที่ 9 สิงหาคมที่เป็นวันเกิด ผมคิดว่าทุกวันก็เป็นวันที่สนุกสนานของผม พอถึงวันเกิดไม่จำเป็นต้องปาร์ตี้ ระเบิดเถิดเทิง อยากให้เป็นอีกหนึ่งวันที่ได้ทบทวนชีวิตปีที่ผ่านมาว่าเราทำอะไรได้บ้าง ทำไปเพื่ออะไร และสิ่งนั้นมีประโยชน์หรือเปล่า
เพราะอย่างนั้นความสุขเลยมาพร้อมกับความกดดันเหมือนกัน เพราะทุกคนอยากเป็นคนดี เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ตอนนี้เราไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ก็พยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ที่เพอร์เฟกต์ขึ้น ทบทวนว่าหน้าปีหน้าจะเป็นอย่างไร จะทำอย่างไรในอนาคต
นอกจากอายุแล้ว มีอะไรอีกบ้างที่รู้สึกว่าอยากหยุดทุกอย่างเอาไว้เท่านี้
อย่างที่บอกว่าตอนนี้ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ผมเลยอยากทำให้ตัวเองมีเอเนอร์จี้ตลอดเวลา ไม่อยากให้ร่วงโรยไปเรื่อยๆ เพราะเรามีหน้าที่ให้พลังงาน มอบความสุขให้คนอื่น เราต้องหาทางมอบพลังให้กับตัวเองด้วย
เพราะผมยังอยากทำสิ่งนี้ต่อไป อยากได้กำลังใจ อยากได้พลังที่ทำให้ตื่นมาแล้วรู้สึกว่าอยากออกไปใช้ชีวิตให้ดี ให้มีประโยชน์ แต่ก็มีหลายครั้งที่ผมเครียด พารานอยด์ สมมติผมไปออกงานคอนเสิร์ต มีคนเต็มไปหมดเลย มีเสียงหัวเราะ เสียงกรี๊ด แต่พอเสร็จงานปุ๊บ รถมาส่งที่บ้าน เปิดประตูเข้าไปทุกอย่างมืดไปหมด ไม่มีใคร ไม่มีอะไรเลย สิ่งที่เพิ่งได้รับมาเมื่อกี้หายไปหมดเลย ต้องกลับมาต่อสู้กับความเหงาคนเดียวอีกแล้ว
บางครั้งรู้สึกว่าสวิตช์อารมณ์ตัวเองไม่ทัน ต้องการกำลังใจเพื่อทำงานต่อ ผมก็หาทุกที่เลย จากเพื่อน จากการอ่านหนังสือ จากทุกอย่าง แต่โชคดีที่ทุกครั้งเวลาต้องไปทำงาน พลังงานจะกลับมาโดยอัตโนมัติ ซึ่งมันเป็นแบบนี้มาตลอด และผมอยากรักษาสิ่งนี้เอาไว้
ส่วนสำคัญที่ทำให้ผมรักษาสิ่งนี้ไว้ได้ก็คือแฟนคลับ เพราะที่ผมมีชีวิต มีพลังงานกลับมาได้ เพราะพวกเขาเป็นคนซัพพอร์ตให้ผมมาอยู่ตรงนี้ ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่อยากเจอแฟนๆ ผมอยากเจอพวกเขาทุกวัน เหมือนได้เติมเต็มพลังงานให้ผมอยากทำสิ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ
คิดว่าอะไรคือของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดที่เคยได้รับมา และอะไรคือของขวัญที่อยากได้มากที่สุดในปีนี้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตอบว่าคือแฟนคลับที่ซัพพอร์ตเรามา ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้มาตลอด ตอนนี้ผมก็ยังคิดแบบนั้นอยู่นะครับ แต่มีอีกความรู้สึกหนึ่ง คืออยากขอบคุณตัวเองที่ฮึดสู้และเข้มแข็งขึ้นมาได้จนถึงตอนนี้
เพราะฉะนั้นถ้าขอพรในปีนี้ได้หนึ่งข้อ ผมคงขอให้ตัวเองมีพลังในทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอ ขอให้ปลุกพลังนั้นมาได้ง่ายๆ ขอให้ใครก็ได้ส่งพลังมาให้ผมด้วย ผมคงไม่อธิษฐานว่าขอให้เรารักกันนานๆ รักกันตลอดไป เพราะรู้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แฟชั่นต้องมีเปลี่ยนเทรนด์ ฤดูกาลต้องเปลี่ยน ทุกอย่างต้องมีวันเปลี่ยนแปลง ต้องยอมรับให้ได้ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะร้องเพลงต่อไป เพราะผมรักการร้องเพลงที่สุด
ในช่วงวัยที่ชีวิตมีความสุข ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ทำไมเป๊กถึงเลือกตั้งชื่ออัลบั้มล่าสุดว่า A Little Thing ที่ดูเหมือนเป็น ‘สิ่งเล็กๆ’ ขึ้นมา
A Little Thing ในความหมายของผมคือการบอกตัวเองว่า ‘ช่างมันเถอะ’ เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้น มองให้เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ไม่ต้องใส่ใจกับมันมาก อย่าเก็บมาคิดให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่างเช่นเรื่อง Social Bullying ที่ผมโดนมาตลอด 15-20 ปี ก็พยายามมองว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ที่เกิดขึ้น
ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ สิ่งสำคัญคือต้องมีสกิลการแข็งแกร่ง เพราะไม่มีทางทำให้คนรักเราได้ทั้งหมด ใน 100 คนอาจจะรักเราสัก 50 คน ส่วนอีก 50 คนไม่รู้เลยว่าเขาจะคิดอย่างไร จะไม่ชอบหรือถึงขั้นเกลียดเราเลยหรือเปล่า เป็นเรื่องที่ยากเหมือน แต่ต้องยอมรับให้ได้
แสดงว่าต้องมีช่วงที่เป๊กรู้สึก ‘ช่างมัน’ ไม่ได้มาก่อนหรือเปล่า ถึงได้ตั้งชื่ออัลบั้มเพื่อบอกตัวเองเอาไว้ในเวลานี้
เพิ่งมาหนักๆ ช่วงต้นปีนี้เองครับ ที่เพิ่งกลับมาจากนิวยอร์ก ผมถูกปลูกฝังมาตลอดว่าอย่าไปฟัง อย่าไปอ่าน อย่าไปสนใจ พวกนั้นเก่งได้แค่ในโลกออนไลน์ ผมก็พยายามคิดแบบโลกสวย พยายามเข้าใจว่าต้องมีหมั่นไส้บ้าง พยายามไม่รับรู้เรื่องอะไรมาตลอด
พอครั้งหนึ่งเข้าไปอ่านแค่วินาทีเดียว แล้วสารที่ได้รับมาทำให้ผมร่วงเลยครับ มันเป็นครั้งที่ทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้จริงๆ ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบเรา ด้วยความที่พยายามไม่รู้ ไม่สนใจ เราสนใจแค่คนที่เขาแคร์จริงๆ แล้วพอไปเห็นเรื่องนั้นเข้า ไม่เชื่อ เฮ้ย ไม่จริงใช่ไหม เขารักเราไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมีคนด่า คิดวนลูปแบบนี้อยู่ซ้ำๆ จนกินอะไรไม่ลง นอนไม่หลับไปเลย
หลังจากนั้นความคิดของผมเปลี่ยนไปเลย ปกติเคยลงรูปไลฟ์สไตล์โน่นนี่นั่น ลงทุกอย่างที่อยากลง น่ารักๆ เท่ๆ อ๊องๆ เพราะคิดว่าทุกคนชอบ แต่หลังจากได้รับสารมาแบบนั้นว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบเรา ไม่ใช่ทุกคนที่เขาชอบให้เราทำแบบนั้น กลายเป็นคิดมากว่าจะลงอะไรอิสระขนาดนั้นไม่ได้แล้ว ทั้งๆ ที่มันเป็นพื้นที่ของผม ผมมีสิทธิ์ที่จะลงอะไรก็ได้ที่อยากลง แต่กลายเป็นต้องระวังตัวมากขึ้น อยากลงรูปถอดเสื้อก็ไม่ได้แล้ว (หัวเราะ)
มิวสิกวิดีโอเพลง A Little Thing
คิดว่าตอนนี้ทำได้ดีขนาดไหนในการพยายามมองทุกอย่างให้เป็นเรื่องเล็กแบบที่ตั้งใจ
ยังยากอยู่เสมอครับ ขนาดเป็นผมที่มีสกิลการใช้ชีวิตที่โดนบูลลี่มาตลอดแล้ว ยิ่งอายุ 36 ปีก็ยังโดน แล้วก็คิดว่ามันยังยากอยู่ ผมเคยคิดมากถึงขนาดจะเล่นไม่โซเชียลมีเดียไปเลยด้วย
แต่ทุกคนก็จะบอกว่าให้แคร์เฉพาะคนที่ควรแคร์สิ ยังมีคนที่เขารักและต้องการกำลังใจจากเราอยู่ ถึงแม้จะเป็นส่วนน้อย แต่เราทิ้งพวกเขาไปไม่ได้ ยอมรับว่าผมไม่สามารถทำให้ทุกคนถูกใจ ภูมิใจ หรือทำทุกอย่างให้ดีเสมอไปได้ตลอดเวลา แต่เมื่อผมเลือกเดินมาทางนี้แล้ว ผมจะปิดทุกอย่างทิ้งไปแบบนี้ไม่ได้ ต้องไปต่อ
ซึ่งมันเจ็บจริงๆ นะครับ เราเจ็บวันนี้ แล้วพอวันรุ่งขึ้นเราต้องยิ้ม และมันยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อเรารู้ว่าในหมู่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีคนที่เขาไม่ชอบเราอยู่ แต่เราต้องยิ้มให้ทุกอย่าง เพื่อทำให้ทุกอย่างออกมาดี เพอร์เฟกต์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในอัลบั้ม A Little Thing มีเพลง Another You ที่พูดว่าอยากให้ผู้หญิงที่เราชอบมากๆ เกิดขึ้นมาอีกคนหนึ่งบนโลกนี้ ในชีวิตจริงมีใครบ้างไหมที่เป๊กรู้สึกว่ามีคนคนนั้นแค่หนึ่งคนน้อยเกินไป
เป็นเพลงที่มีความขัดแย้งในตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะถูกแต่งขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าผมไปตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งที่มีแฟนแล้ว แต่ผมชอบเขามากๆ จะไปแย่งเขาก็ไม่ได้ เลยคิดขึ้นมาว่าไม่อยากให้มีเธอแค่คนเดียวในโลกใบนี้
ซึ่งในความเป็นจริง ผมคิดว่าทุกอย่างต้องมีแค่สิ่งเดียว คนเดียว เพราะไม่มีใครสามารถแทนที่ใครได้ ต่อให้มีผู้หญิงคนนั้นเกิดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะว่าเป็นเธอคนนั้นเราถึงรัก ไม่ใช่อีกคนหนึ่งที่เพิ่งผุดขึ้นมาใหม่
จะดีกว่าไหมถ้าจะมีเป๊กสองคน แล้วให้อีกคนหนึ่งไปโดนด่าแทน
ไม่เป็นไร ด่าผมมาเลย (หัวเราะ)
ในเพลงเป๊กชอบผู้หญิงคนหนึ่งมากๆ ถึงรู้สึกว่าไม่อยากให้มีเธอแค่คนเดียว ในชีวิตตอนนี้ อะไรคือสิ่งที่เป๊กต้องการมากที่สุดจริงๆ เหมือนที่เราต้องการผู้หญิงคนนั้น
อยากได้ความเป็นตัวของตัวเอง ความมั่นใจ ความเข้มแข็ง ความไม่แคร์ และอะไรหลายๆ อย่างที่ลดลงไปให้กลับคืนมา ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่อยู่ตรงนี้นะครับ ทุกคนอยากเป็นตัวของตัวเองที่สุดอยู่แล้ว เพราะสิ่งนั้นทำให้เรามาอยู่ในจุดนี้ได้ แต่เมื่ออยู่ในบางสถานการณ์เราก็ต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
อย่างเมื่อก่อนผมก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร (หัวเราะ) แต่พออยู่ในสปอตไลต์ สถานการณ์จะบังคับให้เราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างให้ดีขึ้น ซึ่งผมไม่ได้ต่อต้านอะไรเลย ผมยินดีที่จะเปลี่ยนเพราะอยากทำให้ทุกคนมีความสุข อะไรที่ทำให้ทุกคนภูมิใจและไม่ผิดหวังในตัวผม ผมก็จะทำ
มิวสิกวิดีโอเพลง Another You
อย่างเพลง Call ที่พูดถึงความคิดถึง ถ้าในวันเกิดปีนี้เลือกโทรศัพท์หาใครก็ได้แค่คนเดียว เป๊กจะเลือกโทรหาใคร
ขอเป็น 3 สายได้ไหมครับ (หัวเราะ) 2 สายแรกจะโทรหาคุณพ่อและคุณแม่ คงไม่ได้โทรไปคุยกันมากมาย แต่อยากขอพรจากคุณแม่ ที่เขาชอบเตือนและยังเรียกผมว่าไอ้ลูกหมา อย่าทำให้แม่เป็นห่วง แปลว่าเรายังเป็นเด็กสำหรับเขาเสมอ
ส่วนสายสุดท้ายถ้าให้เลือกแค่หนึ่งคนยากมากเลย เพราะทุกคนรอบตัวสำคัญกับผมหมด ขอมัดรวมกันแล้ว Zoom คุยกันเลยได้ไหม (หัวเราะ) บอกว่าแก่ขึ้นอีกปีหนึ่งแล้ว จะ 40 แล้วเหรอ (หัวเราะ)
แล้วผมเป็นโรคชอบขอบคุณไปก่อน คงจะขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อน ขอบคุณที่อยู่เคียงข้าง แล้วก็ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง ทุกกำลังใจที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ
มิวสิกวิดีโอเพลง Call
Get to Know You เป็นเพลงที่พูดถึงการทำความรู้จัก มีเรื่องอะไรอีกบ้างที่เป๊กอยากทำความเข้าใจให้ได้ในช่วงวัย 36 ปีนี้
ชีวิตนี้แหละครับ เพราะผมยังหาคำตอบไม่ได้เวลาถูกถามว่าชีวิตคืออะไร อะไรที่เหมาะสมและพอดีกับชีวิตของเรา อยากเข้าใจว่าจริงๆ แล้วเราพอใจในจุดไหน ตรงไหนที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆ
อย่างผมคิดมาตลอดว่าคุณค่าของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การเรียนสูงๆ มีอาชีพการงานที่ดี หรือต้องมีชื่อเสียงยศถาบรรดาศักดิ์ แต่มันอาจจะหมายถึงการส่งความสุขให้กับอีกคนหนึ่งหรือเปล่า ผมจะพยายามหาคำตอบตรงนี้ให้ได้อยู่
เป๊กที่ผ่านโลกนี้มา 36 ปี เจอเรื่องราวต่างๆ มาเยอะพอสมควร คิดว่าตอนนี้เป๊กรู้จักตัวเองดีขนาดไหนแล้ว
เอาจริงๆ ผมยังโกรธตัวเองอยู่เลย เพราะเคยคิดว่าเรารู้จักตัวเองแล้ว แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ทำไปแล้วมาคิดทีหลังว่าเราทำไปทำไม แปลว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้รู้จักตัวเองจริงๆ
เหมือนทุกคนมีหลายด้าน ทั้งด้านที่ดีและดาร์ก อยู่ที่ว่าเราจะเลือกพรีเซนต์ด้านไหนให้กับเพื่อน ให้แฟนคลับ หรือให้สังคมรับรู้ ซึ่งผมอาจจะยังบาลานซ์เรื่องนี้ได้ไม่ดีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เป็นสิ่งที่ยังต้องเรียนรู้กันต่อไป
เพลง Get to Know You
เพลงสุดท้าย It’s My Turn ถ้าบอกว่านี่คือ ‘ช่วงเวลา’ ของเป๊ก คิดว่าตอนนี้คือเวลาที่เป๊กอยากทำอะไรให้สำเร็จมากที่สุด
ต้องเป็นเวลาที่รู้แล้วว่าเราต้องการอะไรในชีวิตจริงๆ เพราะผมได้ทำหลายอย่างที่ต้องการไปหมดแล้ว เคยมีคอนเสิร์ตใหญ่ ได้ทำอะไรมากมาย มีอัลบั้มพิเศษ และเดี๋ยวก็จะมีคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต จัดที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร แต่ถ้าเกิดขึ้นได้ก็จะเป็นเรื่องที่แฮปปี้มาก ปีหน้าก็จะมีงานอีกเยอะมากที่จะตามมา มีน้ำหอมอีกซีซันหนึ่ง
เป็นอีก 1 ปีของชีวิตที่ผมจะลุยงานอย่างเต็มที่ ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ตราบที่ต้นสังกัดและแฟนๆ ยังโอเคอยู่ จะสู้กับมันให้เต็มที่ด้วยความรู้สึกอยากไปต่อ เพื่อตอบคำถามตัวเองให้ได้อีกทีหนึ่งว่า สิ่งที่ทำไปทั้งหมดโอเคแล้วหรือยัง สุดแล้วหรือยัง จะไปต่อได้ไหม เป็นเรื่องที่เป๊กจะเป็นคนตัดสินใจเองอีกครั้งในปีหน้าครับ
มิวสิกวิดีโอเพลง It’s My Turn
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า