ย้อนกลับไปในเกมที่คิง เพาเวอร์ สเตเดียมเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 กรกฎาคม) เป็นเกมที่เหล่าแฟนๆ ‘ปีศาจแดง’ ทั่วโลกต่างต้องลุ้นระทึกกันอย่างหนัก เพราะผลการแข่งขันในการเจอกับเจ้าบ้านเลสเตอร์ ซิตี้นั้นสามารถส่งผลกระทบต่ออนาคตของสโมสรได้อย่างมาก
ไม่ใช่แค่โอกาสในการได้กลับไปเล่นในฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรป แต่ยังรวมถึงเงินรายได้อีกมหาศาลจากทั้งการได้เข้าร่วมแข่งขันและจากสปอนเซอร์ที่จะจ่ายให้ตามเงื่อนไขต่างๆ และยังหมายถึงแรงดึงดูดเหล่าซูเปอร์สตาร์ชื่อดังในอนาคตให้ย้ายมาสร้างผลงานที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเหมือนในอดีต
ที่สุดแล้วทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ก็สามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จ โดยคนที่เป็นผู้ทำประตูปิดบัญชีให้กับทีมได้คือ เจสซี ลินการ์ด คนที่หลายคนมองข้ามและเกือบจะลืมชื่อของเขาไปแล้ว
ที่ต้องบอกเช่นนี้ เพราะในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะในช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเป็นทีมที่ทำผลงานได้อย่างร้อนแรง ซึ่งเป็นผลจากการมาถึงของ บรูโน แฟร์นันด์ส จอมทัพชาวโปรตุเกส ที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพในตัวของทีมและเพื่อนร่วมทีมหลายๆ คนที่ตื้อตันมาเป็นเวลานานได้สำเร็จ
จากแฟร์นันด์สก็มาถึง อองโตนี มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เนมันยา มาติช และไอ้หนูมหัศจรรย์คนใหม่อย่าง เมสัน กรีนวูด ที่กลายเป็น ‘ปรากฏการณ์’ ที่น่าตื่นเต้นที่สุดเรื่องหนึ่งในโรงละครแห่งความฝันในรอบทศวรรษ
นักเตะเหล่านี้ถูกมองว่าเป็น ‘อนาคต’ ที่สดใสของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในอีกหลายปีข้างหน้า
แต่ในกลุ่มนี้กลับไม่มีชื่อของ ลินการ์ด ดาวเตะวัย 27 ปีที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นขวัญใจและเป็นสีสันประจำทีมที่สดใส
ตัวรุกจอมพลิ้วซึ่งได้โอกาสลงเล่นตัวจริงเพียง 9 นัดในฤดูกาลนี้ และประตูยิงดับความหวังของเลสเตอร์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล ก็เป็นประตูแรกในรอบ 18 เดือน ซึ่งเป็นสถิติที่ทั้งน่าเหลือเชื่อและน่าใจหาย
จาก ‘ความหวัง’ ลินการ์ด กำลังจะกลายเป็น ‘ความหลัง’ ของทีม
อย่างไรก็ดี หากจับอาการกันได้ จะพบว่าลินการ์ดดูเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไม่มากก็น้อย ซึ่งเหตุผลที่ทำให้คนที่สดใสอย่างเขาเปลี่ยนแปลงไปนั้น เจ้าตัวเพิ่งจะเปิดเผยความในใจออกมาเป็นครั้งแรกผ่านทางโซเชียลมีเดีย
โดยนี่คือข้อความี่ลินการ์ดเขียนถึงทุกคน รวมถึงตัวเขาเองด้วย
“ผมยืนอยู่ตรงหน้าชายในกระจกที่ผมกำลังขอร้องให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง
“มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ฤดูกาลนี้มันยากลำบาก ผมได้สูญเสียตัวตนคนที่ผมเคยเป็น ไม่ว่าจะในฐานะผู้เล่นหรือในฐานะคนคนหนึ่ง แต่ผมไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ ผมรู้ว่าผมเคยเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม และรู้ว่าถ้าผมเคยไปถึงจุดนั้นได้ครั้งหนึ่ง ผมก็ย่อมจะกลับไปจุดนั้นได้อีกครั้ง การจะกลับไปนั้นได้หมายถึงผมต้องพยายามให้หนักมากกว่าที่ผมเคยทำได้ และผมต้องเชื่อในคนรอบกายที่พวกเขารู้ดีถึงวิธีที่จะช่วยให้ผมกลับไปถึงจุดนั้นได้
“ผมรู้ว่าแฟนๆ ผิดหวัง แต่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ความรับของผมที่มีต่อสโมสรและทุกคนที่เชื่อมโยงกับสโมสรนั้นไม่เคยหายไป ทีมนี้ สโมสรแห่งนี้คือครอบครัวของผม และผมจะพยายามอย่างหนักกว่าที่ผ่านมา เพื่อที่จะช่วยให้ทีมไปถึงจุดหมายให้ได้”
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเขาคือ การที่แม่ล้มป่วยหนักในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล และทำให้เขาจำเป็นต้องดูแล แจสเปอร์ และ เดซี บู น้องชายและน้องสาวในเวลาเดียวกับที่เขาต้องพบกับภาระความรับผิดชอบครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตในฐานะพ่อ หลังคนรักให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารัก
ในบทสัมภาษณ์ที่ลินการ์ดเปิดใจกับ Daily Mail ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เขายอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงที่หนักหนาที่สุดในชีวิต และนั่นทำให้คนที่ชอบทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มอย่างเขาเริ่มเปลี่ยนไป
“หลายคนคงได้เห็นผมเปลี่ยนแปลงไปในหลายอย่าง”
อย่างไรก็ดี การออกมาแสดงจุดยืนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อพิสูจน์คุณค่าอีกครั้งของลินการ์ดอาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับแฟนๆ
เพราะการที่ใครก็ตามจะออกมายอมรับถึงความอ่อนแอและความผิดพลาดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก
สิ่งที่เขาต้องการไม่มีอะไรมากไปกว่าการความเข้าใจและโอกาสอีกสักครั้ง ที่เขายืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
เพราะมีฝน ฟ้าจึงมีรุ้ง หวังว่าบทเรียนชีวิตครั้งนี้จะทำให้เขากลับมาเป็นนักเตะที่ดีอีกครั้ง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: