วันนี้ (21 กรกฎาคม) พรรคเพื่อไทยจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ที่พรรคเพื่อไทย ชั้น 7 โดยมีแกนนำและ ส.ส. รวมทั้งสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เช่น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้น
ขณะที่การประชุมในวันนี้ พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ 4 ข้อไปยังรัฐบาลเพื่อเป็นข้อเสนอในการหาทางออกของประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย ด้วยสถานการณ์ของประเทศขณะนี้ได้ประสบกับปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ อันเป็นปัญหานับตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเมื่อรัฐได้ใช้มาตรการอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ทำให้วิกฤตเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้วมีความรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนเกือบทุกภาคส่วน และขณะนี้กำลังจะเกิดวิกฤตอันสำคัญทางการเมือง อันเป็นผลจากรัฐธรรมนูญที่ไม่มีความชอบธรรมและไม่เป็นประชาธิปไตย จึงทำให้เกิดข้อเรียกร้องของหลายฝ่ายให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง แต่ท่าทีของรัฐบาลกลับไม่ให้ความสนใจ ล่าสุดจึงได้เกิดการเคลื่อนไหวของบรรดานักศึกษาสถาบันต่างๆ นั้น
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าสถานการณ์ของประเทศอยู่ในภาวะเปราะบางและสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงตามมา หากรัฐบาลยังคงบริหารประเทศโดยที่ไม่ฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน และไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้ถูกทิศทาง พรรคเพื่อไทยจึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้
- ขอให้รัฐบาลได้รับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนและใช้ความอดทนในการแก้ปัญหา งดใช้กำลังและความรุนแรงทุกรูปแบบกับประชาชนเพื่อสร้างความขัดแย้งให้ขยายวงกว้างขึ้น อย่ามองคนที่เห็นต่างเป็นศัตรูทางการเมือง และใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันขอให้ผู้ชุมนุมเรียกร้องทุกกลุ่มใช้สิทธิของตนภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และใช้สันติวิธีเช่นกัน
.
- รัฐบาลต้องสนับสนุนให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากเป็นที่ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นจากผลพวงของการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และมีเนื้อหาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มุ่งสืบทอดอำนาจ และพันธนาการประเทศไว้ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งพรรคเพื่อไทยและอีกหลายพรรคได้ร่วมกันผลักดันมาหลายปีแล้วให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่างโดยประชาชนและเห็นชอบโดยประชาชน ให้เป็นโรดแมปของสังคมร่วมกัน อันจะเป็นเครื่องมือให้ทุกฝ่ายเดินหน้าร่วมกันได้ ขณะนี้ความคิดได้ตกผลึก และมีประชาชนหลายกลุ่มรวมทั้งบรรดานิสิตนักศึกษาเริ่มออกมาเรียกร้องแล้ว จึงเห็นว่าถึงเวลาที่รัฐบาลและทุกฝ่ายต้องดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด อย่าคิดว่าเมื่อตนเองร่างรัฐธรรมนูญและได้เข้ามาสู่อำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ตนเองร่างขึ้นแล้วจะได้อยู่ในอำนาจตามสบาย เพราะรัฐธรรมนูญถือเป็นสัญญาประชาคมที่จะต้องเกิดจากความสมัครใจและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย หากรัฐบาลยังคงเพิกเฉยก็อาจทำให้เกิดวิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญตามมาในไม่ช้าได้
- เพื่อให้ประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะคนตัวเล็ก สามารถทำมาหากินได้อย่างสะดวก แข่งขันกับโลกได้อย่างสอดคล้องกับยุค 4.0 และเพื่อให้ระบบ ‘รัฐราชการ’ เปลี่ยนบทบาทจากผู้ควบคุมเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริม พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเราต้องปลดปล่อยและให้อำนาจแก่ประชาชนที่ทำมาหากิน โดยพลิกวิกฤตโควิด-19 เป็นโอกาส ด้วยการงดเว้นการต้องขออนุมัติหรืออนุญาตในการประกอบกิจการต่างๆ เป็นเวลา 3 ปี เว้นแต่ที่กระทบต่อความปลอดภัยอย่างร้ายแรงของประชาชน แต่ผู้ประกอบการต้องให้คำรับรองว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย และหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ายังไม่ถูกต้องก็จะให้คำแนะนำ หากแนะนำแล้วยังไม่ถูกต้องอีกให้เตือน จากนั้นจึงลงโทษ รัฐต้องสันนิษฐานว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการทำมาหากินอย่างสุจริตและยั่งยืน
- รัฐบาลต้องให้ประชาชนมีอำนาจในการรวมตัวเพื่อการทำมาหากิน โดยมีวัตถุประสงค์ให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การสร้างมาตรฐานระหว่างผู้ประกอบการในกิจการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันหรือคล้ายกัน การสร้างขนาดของกิจการที่รวมกันให้ใหญ่ขึ้นเพื่ออำนาจต่อรองกับตลาด และการสะท้อนปัญหาตลอดจนความต้องการที่แท้จริงต่อรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ โดยการออกกฎหมายรองรับการรวมตัวของ SMEs อย่างเร่งด่วน
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชนเพื่อเป็นโรดแมปร่วมกัน การปลดปล่อยและให้อำนาจประชาชนในการทำมาหากินเป็นวิสัยทัศน์ ทิศทาง และรูปธรรมที่ทุกฝ่ายต้องเดินไปด้วยกัน ประเทศชาติจึงจะอยู่รอดท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจขนาดมหึมาที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์