ตำรวจอินเดียเรียกค่าปรับเหตุไม่สวมหน้ากากอนามัยกว่า 4.2 หมื่นครั้ง ในช่วงกว่า 4 เดือน

เมื่อวานนี้ (14 กรกฎาคม) เจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดียเผยว่าทางการออกใบสั่งเรียกค่าปรับเหตุไม่สวมหน้ากากอนามัยกว่า 4.2 หมื่นครั้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยสั่งปรับไปกว่า 792 ครั้งภายในวันเดียว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 กรกฎาคม) หลังพลเมืองอินเดียไม่สวมหน้ากากอนามัยและไม่เว้นระยะห่างทางสังคมอย่างจริงจัง

โดยการสั่งปรับบุคคลที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยเป็นหนึ่งในมาตรการคุมเข้มทางสังคมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดีย มีอัตราค่าปรับแตกต่างกันไปตั้งแต่ 200 รูปี (ราว 84 บาท) ในเมืองบังกาลอร์ จนถึง 1,000 รูปี (ราว 420 บาท) ในเมืองมุมไบ จนสามารถรวมค่าปรับเป็นเงินจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองบังกาลอร์ระบุว่าสามารถเก็บเงินค่าปรับได้มากกว่า 9.94 ล้านรูปี (ราว 4.16 ล้านบาท) ภายในเดือนเดียวเท่านั้น

เมื่อไม่นานที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ตำหนิพลเมืองกว่า 1.3 พันล้านคนที่ไม่ตระหนักถึงการรับมือโควิด-19 ที่กำลังระบาดในหลายพื้นที่ทั่วโลกอย่างจริงจัง ล่าสุดอินเดียมีผู้ติดเชื้อสะสมสูงกว่า 9 แสนรายแล้ว (937,844 ราย) รักษาหาย 593,178 ราย และเสียชีวิตแล้ว 24,327 ราย เป็น 1 ใน 3 ประเทศร่วมกับสหรัฐอเมริกาและบราซิลที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มในระดับหลักหมื่นรายต่อวัน คาดว่าอินเดียเตรียมเป็นประเทศที่ 3 ของโลกที่มีผู้ติดโควิด-19 สะสมแตะระดับหลักล้านราย

ภาพ: Raj K Raj / Hindustan Times

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

FYI

ย้อนชมคลิป ‘ฟาดก้น คนเตร็ดเตร่’ ส่องสารพัดวิธีรับมือโควิด-19 แบบอินเดีย ได้ที่ https://thestandard.co/ways-to-handle-coronavirus-indian-style-after-country-lock-down/