หลายรัฐในสหรัฐอเมริกาเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่กระนั้นผู้ว่าการรัฐหลายคนเตือนว่า วิถีชีวิตของประชาชนจะยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติภายในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่ผู้นำรัฐบาลย้ำว่า นโยบาย Social Distancing และมาตรการเข้มงวดบางอย่างยังจำเป็นต้องมีอยู่ไปจนถึงช่วงฤดูร้อน เพื่อป้องกันโควิด-19 ระบาดหนักอีกระลอก
จนถึงวานนี้ (26 เมษายน) ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นทะลุ 940,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 54,000 ราย อย่างไรก็ตาม อัตราการติดเชื้อในพื้นที่แพร่ระบาดหนักหลายแห่งเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในนั้นคือนิวยอร์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐฯ
การตัดสินใจผ่อนคลายล็อกดาวน์ในหลายรัฐมีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตัวเลขคนตกงานในสหรัฐฯ เพิ่มสูงกว่า 26 ล้านคน ในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่อัตราการว่างงานพุ่งแตะระดับ 16% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่า การยกเลิกมาตรการเข้มงวดเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดการระบาดระลอกที่ 2 ของไวรัสโคโรนา
สำหรับรัฐที่อนุญาตให้บางธุรกิจกลับมาเปิดทำการได้แล้วนั้น ประกอบด้วย จอร์เจีย, โอคลาโฮมา, อะแลสกา และเซาท์แคโรไลนา โดยรัฐเหล่านี้ยังประกาศแผนคลายความเข้มงวดในกฎล็อกดาวน์เพิ่มเติมในสัปดาห์นี้
ขณะที่รัฐเทนเนสซีจะอนุญาตให้ร้านอาหารเปิดให้บริการได้อีกครั้งในวันจันทร์ (27 เมษายน) วันเดียวกับที่คำสั่งล็อกดาวน์ของรัฐมิสซิสซิปปีหมดอายุ
ส่วนผู้ว่าการรัฐโคโลราโดเผยว่า ร้านตัดผม ร้านทำผม และร้านสัก จะเปิดให้บริการได้อีกครั้งในวันศุกร์นี้
ขณะที่มอนตานาอนุญาตให้เปิดโบสถ์ได้ตั้งแต่วันอาทิตย์ แต่ยังต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างทางกาย ส่วนร้านอาหารและโรงเรียนจะเปิดทำการได้ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: