วันนี้ (18 เมษายน) ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสูงถึง 2,250,405 รายแล้ว รักษาหาย 571,577 รายหรือเกือบ 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 154,245 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 6.85% โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมกว่า 7.2 แสนรายแล้ว หลังสาธารณสุขสหรัฐฯ ตรวจหาเชื้อไปแล้วกว่า 3.57 ล้านราย ทั้งยังครองสถิติประเทศที่มีผู้ป่วยเสียชีวิตมากสุดถึง 37,158 ราย
ขณะเยอรมนี ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก รักษาหายมากสุดถึง 83,114 ราย หรือคิดเป็น 58.78% ของผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมดในประเทศ ตามมาด้วยจีนและสเปน
ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธ์ุใหม่แล้วอย่างน้อยใน 178 ประเทศ โดยชาติที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา (710,021 ราย) สเปน (190,839 ราย) อิตาลี (172,434 ราย) ฝรั่งเศส (147,969 ราย) และเยอรมนี (141,397 ราย) ซึ่งพบผู้ติดเชื้อในจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็นเพียง 3.67% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดทั่วโลก
นิวยอร์กถือเป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในสหรัฐฯ มากถึง 233,951 ราย เสียชีวิตแล้ว 17,131 ราย ตามมาด้วยรัฐนิวเจอร์ซีย์ (78,467 ราย) รัฐแมสซาชูเซตส์ (34,402 ราย) รัฐมิชิแกน (30,023 ราย) และรัฐเพนซิลเวเนีย (29,921 ราย) ขณะที่รัฐอะแลสกาเป็นรัฐที่มีรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 สะสมน้อยที่สุดขณะนี้เพียง 309 ราย
โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมแผนเปิดเมืองเป็น 3 เฟส ซึ่งแต่ละเฟสจะมีระยะเวลาห่างกันอย่างน้อย 14 วัน และแต่ละรัฐจะสามารถพิจารณาผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ไปได้ทีละขั้น ด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง
ภาพ: Paul Morigi / Getty Images for MoveOn
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: