Louis Vuitton ทำยอดเพิ่มเกิน 50% หลังกลับมาเปิดร้านอีกครั้งในจีน

หลังจากที่ LVMH กลับมาเปิดร้านในประเทศจีน ยอดขายของแบรนด์ Louis Vuitton กลับมาดีอีกครั้งมากกว่า 50% ในบางสาขาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม เช่นเดียวกันกับ Dior และ Sephora ถึงแม้ว่ายอดขายทั่วโลกของเครือ LVMH จะลดลงทั่วโลกในไตรมาสแรกก็ตาม

ตามรายงานของเว็บไซต์ WWD Jean-Jacques Guiony หัวหน้าฝ่ายการเงินของ LVMH ระบุว่า ได้รับรู้ถึงสัญญาณที่ดีท่ามกลางวิกฤตโรคโควิด-19 หลังจากที่สถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ “ตัวเลขกลับมาอยู่ในแดนบวกอีกครั้งตั้งแต่ครึ่งหลังของเดือนมีนาคม และเพิ่มขึ้นอีกในเดือนเมษายน” เขากล่าวผ่านทางการประชุมวิดีโอ หลังจากที่รายงานรายได้ของบริษัทในไตรมาสแรกที่ลดลงถึง 15% อันเนื่องมาจากการปิดหน้าร้านและโรงงานทั่วโลก

โดยเฉพาะยอดขายของแบรนด์ Louis Vuitton ซึ่งมีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของบริษัท ตัวเลขยอดขายกลับดีดเพิ่มสูงเกิน 50% ที่บางสาขาในประเทศจีนเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนปีที่แล้ว ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเก็บกด (Revenge Spending) หลังจีนปลดมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศที่ยาวนานถึง 2 เดือน และผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามเดิมอีกครั้ง

เช่นเดียวกันกับ Dior และ Sephora ที่กลับมาดีขึ้นในช่วงหลังของเดือนมีนาคมจากการขายสินค้าออนไลน์ที่แข็งแกร่งของบริษัท ซึ่งไม่ได้มีแนวโนมที่ดีขึ้นในเฉพาะประเทศจีน แต่ยังเป็นทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น

แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดขายที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะมาชดเชยรายได้ที่หายไปของบริษัท เนื่องจากชาวจีนยังนิยมซื้อสินค้าในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรปและอเมริการะหว่างการท่องเที่ยว แต่ติดปัญหานโยบายปิดการเดินทางเข้าในหลายประเทศอยู่ ทำให้ตัวเลขนี้เป็นเพียงการซื้อขายที่เกิดขึ้นภายในประเทศเท่านั้น

ความเคลื่อนไหวนี้จึงเป็นอีกหนึ่งแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของแบรนด์แฟชั่น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการรายงานว่าแบรนด์สุดหรูอย่าง Hermes สามารถทำยอดขายได้ถึง 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 88 ล้านบาท ภายในวันเดียวที่เมืองกวางโจว ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองของประเทศ สัญญาณเหล่านี้จึงยิ่งตอกย้ำว่าลูกค้าของกลุ่มแฟชั่นยังมีกำลังซื้ออยู่ แต่แค่รอให้สถานการณ์คลี่คลาย

ภาพ: Daniel Fung / SOPA Images / LightRocket via Getty Images

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง: