ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขยับอีกครั้งวานนี้ (17 มีนาคม) โดยออกมาตรการช่วยเหลือบริษัทภาคธุรกิจให้สามารถดำเนินงานต่อไปได้ท่ามกลางวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ด้วยการจัดสรรเงินทุนผ่านทางตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น (Commercial Paper) วงเงิน 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งความพยายามของ Fed ในการลดความผันผวนในตลาดการเงิน
ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ต้องการระดมเงินสดระยะสั้นเพื่อดำเนินกิจการ ซึ่ง Fed ระบุว่ากำลังเข้ามาช่วยเหลือเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่เผชิญกับวิกฤตทางการเงิน
สภาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่าตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นตกอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ภาคครัวเรือนก็กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นสำหรับผู้กู้ชั้นดีที่ไม่ใช่สถาบันการเงินกับอัตราแลกเปลี่ยนดอกเบี้ยของรัฐบาล (OIS) ได้พุ่งขึ้นจากระดับ 0.24% เมื่อต้นเดือนเป็น 1.24% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์มองว่าตลาดนี้มีความสำคัญสำหรับการกู้ยืมระยะสั้นของบริษัท ถ้าหากบริษัทที่ประสบปัญหาการเงินไม่ได้รับเงินก้อนนี้ก็จะไม่สามารถจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงานได้
ทั้งนี้ Fed ได้แช่แข็งตลาดตราสารหนี้ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2008 ขณะที่ สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ไม่คิดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะรับซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนด้วยวงเงินสูงเช่นนั้น
การขยับเสริมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความพยายามของ Fed ในการลดความผันผวนในตลาดการเงิน หลังตลาดหุ้นร่วงลงต่อเนื่องจากความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
