The Godfather เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Loew’s State Theatre เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 1972 โดยในขั้นพรีโปรดักชันมีปัญหาเรื่องการสับเปลี่ยนตัวผู้กำกับอยู่หลายคน ก่อนจะมาลงตัวที่ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ และเริ่มต้นสร้าง ‘ตำนาน’ ขึ้นมาจากผลงานเรื่องนี้
เช่นเดียวกับขั้นตอนการเลือกนักแสดง โดยเฉพาะสองบทนำสำคัญอย่าง วีโต คอร์เลโอเน และไมเคิล คอร์เลโอเน ซึ่งสุดท้ายก็ได้ตัวพ่อแห่งวงการอย่าง มาร์ลอน แบรนโด และนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ ณ ขณะนั้นอย่าง อัล ปาชิโน มารับบทนำตามลำดับ เสริมทัพด้วย เจมส์ คาน, โรเบิร์ต ดูวัล, ไดแอน คีตัน, จอห์น คาซาล, และอัล มาร์ติโน ทำให้ The Godfather กลายเป็นผลงานที่รวมทีมนักแสดงระดับคุณภาพทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่เอาไว้มากที่สุดในขณะนั้น
ภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากนวนิยาย The Godfather ของ มาริโอ พูโซ ที่มารับหน้าที่เขียนบทร่วมกับคอปโปลา บอกเล่าเรื่องราวย้อนไปในปี 1945-1955 ของครอบครัวมาเฟียทรงอิทธิพลในนครนิวยอร์ก โดยมี วีโต คอร์เลโอเน เป็นหัวหน้าครอบครัวและผู้มีอำนาจสูงสุดที่มาพร้อมกับ ‘ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้’
เผยให้เห็นเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านของคอร์เลโอเนคนพ่อจากยุครุ่งเรืองสู่วังวนแห่งการทรยศ หักหลัง และความเสื่อมในอำนาจ อันสวนทางกับลูกชายอย่าง ไมเคิล คอร์เลโอเน อดีตนาวิกโยธินจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ไม่เคยสนใจธุรกิจของครอบครัว ก่อนจะถูกผลักดันจนกลายมาเป็นหัวหอกคนใหม่ของกลุ่มมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล
The Godfather ได้กระแสตอบรับดีเป็นอย่างมาก ทำรายได้ไปกว่า 287 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้าง 7.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล ณ ตอนนั้น
มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 11 สาขา โดยเฉพาะสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยม ที่มี อัล ปาชิโน, เจมส์ คาน และโรเบิร์ต ดูวัล เข้าชิง ก่อนที่จะคว้ามาได้ 3 รางวัลคือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (แบรนโด), และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
The Godfather ยังถูกคัดเลือกให้ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในหอสมุดรัฐสภาโดย National Film Registry และถูกจัดอันดับโดย American Film Institute ให้อยู่ลำดับที่ 2 ในลิสต์ภาพยนตร์อเมริกันที่ยอดเยี่ยมที่สุด รองจาก Citizen Kane (1941)