วันนี้ (14 มีนาคม) เว็บไซต์ AirVisual รายงานสถานการณ์ฝุ่นรอบโลกฉบับเรียลไทม์ (ช่วงเวลา 12.00 น.) ผลการจัดอันดับค่าฝุ่นรอบโลกของประเทศไทยพบพื้นที่เขตจังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณฝุ่นแบบภาพรวมที่ 412 US AQI ส่วนปริมาณฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยที่ 367.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร กลายเป็นเมืองที่มีฝุ่นมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของโลกไปแล้ว
ส่งผลให้ทุกพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณฝุ่นอยู่ในเกณฑ์พื้นที่สีแดงทั้งจังหวัด มีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากมีการเผาพื้นที่เกษตรและไฟป่า ผนวกกับความกดอากาศและอุณหภูมิที่ผกผันระดับล่าง ส่งผลให้อากาศไม่ยกตัว ทำให้เกิดการสะสมของหมอกควันมากขึ้น
ทางด้าน นรินทร์ ประทวนชัย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าขณะนี้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติทุกจังหวัดเร่งควบคุมการเผาไฟป่าในทุกพื้นที่ หลังจากหลายพื้นที่ของประเทศไทยมีแนวโน้มการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนของจุดความร้อนทั้งในพื้นที่ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน จุดความร้อนซึ่งแสดงถึงการเผาพื้นที่เกษตรและไฟป่าดังกล่าวส่งผลให้ฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นจนเกินค่ามาตรฐานฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
ทั้งนี้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเร่งด่วน โดยระดมสรรพกำลังจากทุกหน่วยในสังกัดเข้าร่วมชุดปฏิบัติการดับไฟป่ากับทางจังหวัดเชียงใหม่เพื่อดับไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ก่อนที่จะลุกลาม รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น
พร้อมขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมและออกกำลังกายกลางแจ้ง สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กเมื่อออกนอกบ้าน หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์