AIS เริ่มให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ (2 มีนาคม) โดยเปิดให้ลูกค้าทั่วไปสามารถใช้งาน 5G ได้บนเครื่องสมาร์ทโฟน 5G และซิมการ์ดด้วยแพ็กเกจที่ใช้งานจริงบนเครือข่ายทั่วประเทศในบางพื้นที่ (ไม่ใช่การทดสอบด้วยเครื่องและซิม Test) พร้อมมอบสิทธิพิเศษ DATA สำหรับการใช้งาน 5G ฟรีโดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม
โดย AIS จะเริ่มให้บริการ 5G กับกลุ่มลูกค้าใน 3 ส่วน ได้แก่
1.กลุ่มลูกค้าที่มีมือถือ 5G อยู่แล้ว (ไม่ได้ซื้อเครื่องจาก AIS): เริ่มใช้งาน AIS 5G ได้ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป โดยมือถือที่สามารถใช้งานได้ทันทีคือ Huawei Mate 30 Pro 5G ที่รองรับคลื่น 2600 MHz และได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตแล้ว
2.กลุ่มลูกค้าที่ซื้อมือถือ 5G จาก AIS: เริ่มใช้งาน AIS 5G ได้ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป โดยมีรุ่นมือถือที่วางจำหน่ายดังนี้ Huawei Mate 30 Pro 5G, Samsung Galaxy S20 Ultra 5G, Oppo Find X2 และ Oppo Find X2 Pro 5G (ส่วนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ กำลังทยอยออกวางจำหน่าย ซึ่งขึ้นอยู่กับกำหนดการอัปเดตซอฟต์แวร์บนตัวเครื่องจากผู้ผลิตมือถือแบรนด์นั้นๆ) ทั้งนี้ ลูกค้าที่ซื้อมือถือ 5G จาก AIS จะได้รับสิทธิ์ใช้งาน 5G ฟรี! โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม
3.เครื่องเปล่าราคาปกติ: ใช้บริการ 5G ฟรีได้ไม่จำกัด จนถึง 30 มิถุนายน 2563 สำหรับลูกค้าที่ใช้แพ็กเกจเน็ตเต็มสปีดแบบไม่จำกัด, ใช้บริการ 5G 10 GB ฟรี นาน 30 วัน* สำหรับลูกค้าที่ใช้แพ็กเกจเน็ตเต็มสปีดแบบจำกัดจำนวน และเน็ตแบบความเร็วคงที่ (Fixed Speed) (*10 GB สามารถใช้ได้ทั้ง 5G / 4G / 3G โดยจะถูกหักการใช้งานก่อนแพ็กเกจหลัก)
ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “หลังเข้ารับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2600 MHz และเปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมานั้น เราได้เร่งขยายเครือข่ายและพัฒนาบริการทุกด้านอย่างรวดเร็วที่สุด รวมถึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำระดับโลกทุกราย เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน 5G ที่ดีที่สุดให้คนไทยได้เชื่อมต่อโลกออนไลน์
“อย่างไรก็ตาม 5G ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ของประเทศและคนไทย จึงเป็นหน้าที่ของโอเปอเรเตอร์อย่างเราที่จะต้องให้ความรู้ความเข้าใจ และคำแนะนำในการใช้งาน 5G ให้กับผู้บริโภคได้รับทราบ และก้าวทันเทคโนโลยีไปพร้อมกัน”
ทั้งนี้เครือข่าย 5G ของ AIS ในปัจจุบันครอบคลุมแหล่งชุมชมและย่านสำคัญในกรุงเทพฯ และ 5 หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดแล้ว โดยครอบคลุมพื้นที่ทั้งภายในอาคาร (Indoor) และกลางแจ้ง (Outdoor)
ซึ่งในเฟสแรกมีการวางเครือข่าย 5G แล้ว ประกอบด้วยย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ อาทิ จตุจักร, อารีย์, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, พญาไท, สยาม, สามย่าน, สีลม, สาทร, ชิดลม, นานา, อโศก, สุขุมวิท
ศูนย์การค้าชั้นนำ เช่น สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, เซ็นทรัลเวิลด์
AIS Shop 15 สาขา ได้แก่ สยามพารากอน (Future World), เอ็มโพเรียม (AIS DC), ไอคอนสยาม, เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลบางนา, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลพระราม 9, เซ็นทรัลอีสต์วิลล์, เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์, เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เมกาบางนา, ตึก AIS tower 2, SC Tower (Innovation Zone), สนามบินสุวรรณภูมิ (ชั้น 2)
ระดับภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ณ ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่, ภาคใต้ ณ อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร จังหวัดภูเก็ต, ภาคอีสาน ณ ลานย่าโม จังหวัดนครราชสีมา, ภาคตะวันออก ณ แหลมบาลีฮาย พัทยา จังหวัดชลบุรี และภาคกลาง ณ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม
ส่วนในเฟสต่อไปจะขยายเครือข่าย 5G สู่พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน รวมถึงศูนย์การค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ เช่น ไอคอนสยาม, เอ็มควอเทียร์, สยามสแควร์วัน, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลพระราม 9, สามย่านมิตรทาวน์, เดอะมอลล์บางกะปิ เป็นต้น และศูนย์การค้าใน 5 หัวเมืองต่างจังหวัด อาทิ เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่, เซ็นทรัล พลาซา ศาลายา นครปฐม, เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต, เดอะมอลล์ โคราช และโรบินสัน อมตะชลบุรี เป็นต้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
