พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งว่า จำเป็นต้องลงทุน เพื่อให้เกิดการจ้างงาน ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลทำไมทำไม่ได้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน โดยปี 2567 จะมีเครือข่ายทางรถไฟกว่า 4,400 กิโลเมตร การขนส่งทางถนนมีการขยายโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเพิ่มขึ้นอีก 525 กิโลเมตร ในปี 2566 จากปี 2557 ที่มีเพียง 165 กิโลเมตร และจะมีโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครกว่า 400 กิโลเมตร ในปี 2569
ส่วนรถโดยสารประจำทางอยู่ระหว่างการเร่งปฏิรูปจัดการเดินรถแบบใหม่ สำหรับการขนส่งทางอากาศก็มีปัญหาเกี่ยวกับการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและขยายท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 2 และการเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานทั่วประเทศ โดยจะมีขีดความสามารถรับได้ 169.8 ล้านคนต่อปี
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็ต้องทำทุกที่ ปัญหารัฐบาลก่อนหน้านี้ก็ต้องมาตามแก้ ซึ่งก็ต้องดูแลประชาชน เช่นเดียวกับในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยชี้แจงการยกพื้นที่ให้ต่างชาติ 100 ปีนั้น เป็นกฎหมายเดิม ซึ่งเป็น 50 ปี บวก 49 ปี หากเห็นสมควร แต่ที่ดินยังเป็นของประเทศไทย ไม่สามารถซื้อไปได้ เป็นการสัมปทานเท่านั้น ส่วนสิทธิประโยชน์ BOI ไม่ได้ให้เฉพาะต่างประเทศ แต่คนไทยก็ได้ด้วย ซึ่งประเทศอื่นๆ ให้สิทธิประโยชน์มากกว่า แต่ประเทศไทยนั้นคำนึงถึงกฎหมายด้วย และขอให้ทุกคนช่วยสร้างความเชื่อมั่น
ส่วนการทำงานแผนปฏิรูปตามยุทธศาสตร์ชาติ นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ดูมาตลอดตั้งแต่ต้น ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใด พร้อมชี้แจงว่า ประเทศไทยพยายามจะลงทุนเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูง เพื่อเป็นเจ้าของเส้นทางเดินรถไฟฟ้าความเร็วสูงเอง ส่วนการจัดการปัญหาขยะพลาสติกก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการอยู่แล้ว โดยมีรถมาตั้งแต่ปี 2561-2573 ซึ่งบริษัทห้างร้านก็ให้ความร่วมมือ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล