เมื่อปีที่แล้ว Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงฉลอง 10 ปี ของไลน์อัพผลิตภัณฑ์ในตระกูล Galaxy ไป มาปีนี้พวกเขาเลือกเปิดตัว ‘Samsung Galaxy S20’ แฟล็กชิปซีรีส์ที่ 11 จากโมเดล Galaxy S โดยมาให้เลือกพร้อมกันมากถึง 3 โมเดล ประกอบด้วย Galaxy S20, Galaxy S20+ และ Galaxy S20 Ultra
จุดเด่นที่ทาง Samsung ใส่ให้กับสมาร์ทโฟน S20 คือการรีดประสิทธิภาพกล้องถ่ายรูปออกมาให้ถึงขั้นขีดสุด ซึ่งในรุ่น Galaxy S20 Ultra มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว ได้แก่ Ultra Wide (12 ล้านพิกเซล), Tele (48 ล้านพิกเซล), DepthVision และเลนส์ Wide ที่ให้ความละเอียดสูงสุดที่ 108 ล้านพิกเซล ซูมด้วยเทคโนโลยีสเปซซูมได้สูงสุดที่ 100 เท่า แถมยังถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 8K ได้อีกด้วย (Snap ภาพจากวิดีโอได้คมชัด)
ส่วนกล้องหน้าเลนส์เดี่ยวที่บริเวณกลางหน้าจอ ความละเอียดอยู่ที่ 40 ล้านพิกเซล บนจอ Infinity-O Display Quad HD+ Dynamic AMOLED 2X ด้วยขนาดหน้าจอที่ 6.9 นิ้ว, รองรับระบบจดจำใบหน้าและการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ, ขนาดแบตเตอรี่อยู่ที่ 5000 mAh, แรมและหน่วยความจำเริ่มต้นที่ 12GB และ 128GB ตามลำดับ มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ Cosmic Grey และ Cosmic Black สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,399 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 43,500 บาท
ขณะที่โมเดลรองลงมาอย่าง Galaxy S20+ และ Galaxy S20 มาพร้อมกับจอ Infinity-O Display แบบ Quad HD+ Dynamic AMOLED 2X ที่ 6.7 นิ้ว และ 6.2 นิ้ว ตามลำดับ กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล
โดยกล้องหลังของ S20+ เป็นแบบ 4 ตัว (Ultra Wide, Wide, Tele และ DepthVision) ส่วน Galaxy S20 มีกล้องหลัง 3 ตัว (Ultra Wide, Wide และ Tele) สามารถซูมได้สูงสุดที่ 30 เท่าทั้งคู่ มาพร้อมกับขนาดแบตเตอรี่ที่ 4500 mAh (S20+) และ 4000 mAh (S20) ขนาดแรมและหน่วยความจำภายในอยู่ที่ 8GB และ 128GB ในโมเดล LTE
ส่วนในรุ่น 5G มีขนาดแรมเริ่มต้นที่ 12GB และ 128GB ทั้งสองโมเดล ซึ่งความพิเศษของ Galaxy S20 คือการที่ Samsung ได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งานทุกคนได้สัมผัสกับเทคโนโลยี 5G เนื่องจาก Galaxy S20 ทั้งสามโมเดลล้วนแล้วแต่มีทางเลือกที่รองรับการใช้งานแบบ 5G ทุกโมเดล
สำหรับ Galaxy S20+ มาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ Cloud Blue, Cosmic Grey และ Cosmic Black สนนราคาเริ่มต้นที่ 1,199 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 37,000 บาท และ Galaxy S20 ที่มาให้เลือก 3 สี คือ Cloud Pink, Cloud Blue และ Cosmic Grey สนนราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 31,000 บาท (เช็กราคาวางจำหน่ายจาก Samsung ประเทศไทยอีกที) โดยจะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 6 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้อีกด้วยว่า ผู้ใช้งาน Samsung Galaxy S20 จะกลายเป็นผู้ใช้งานกลุ่มแรกที่ได้ลองใช้ฟีเจอร์ ‘QUICK SHARE’ ที่สามารถแชร์ไฟล์ให้กับเพื่อนๆ หรือผู้ใช้งานคนอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงที่ใช้ Galaxy S20 เหมือนกันได้สูงสุดถึง 5 เครื่องในเวลาเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องจับคู่สมาร์ทโฟนแต่อย่างใด (เหมือน AirDrop ของ Apple)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล