การแข่งขันซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 54 เป็นการพบกันระหว่าง ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์ส แชมป์ 5 สมัย กับ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ที่เข้าชิงเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ที่สนาม Hard Rock Stadium เมืองไมอามี มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย
โดยเกมออกสตาร์ทในควอเตอร์แรก เป็นแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ที่ขึ้นนำก่อน 7-3 คะแนน จากทัชดาวน์ของ แพทริก มาโฮมส์ ก่อนที่ควอเตอร์ที่ 2 ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์สจะไล่ตีเสมอขึ้นมาเป็น 10 ต่อ 10 คะแนนเท่ากันจากทัชดาวน์ของ ไคล์ จัสซิค และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
มาในควอเตอร์ที่ 3 ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์สพลิกกลับมาขึ้นนำอีกครั้งจากลูกเตะฟิลด์โกลของ ร็อบบี้ โกลด์ ระยะ 42 หลา พลิกกลับมานำ 13-10 คะแนน ก่อนที่ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์สจะได้ทัชดาวน์เพิ่มจาก ราฮีม มอสเติร์ต ทำทีมนำห่างไปเป็น 20-10 คะแนน
เข้าสู่ควอเตอร์ที่ 4 หรือควอเตอร์สุดท้าย แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ทำทัชดาวน์ได้จาก ทราวิส เคลซ์ ไล่ขึ้นมาเป็น 17-20 คะแนน ก่อนที่ เดเมียน วิลเลียมส์ ทำคนเดียวอีก 2 ทัชดาวน์ให้แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์พลิกกลับขึ้นมานำห่างเป็น 31-20 คะแนน
หมดเวลา แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์เอาชนะซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์สไปได้ 31-20 คะแนน คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี
แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กวัย 24 ปี 138 วัน ของแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ กลายเป็นควอเตอร์แบ็ก 1 ใน 3 คนที่สามารถชูถ้วย Lombardi ในฐานะแชมป์ซูเปอร์โบวล์ก่อนวัย 25 ปี ต่อจาก ทอม เบรดี และเบน โรธลิสเบอร์เกอร์ รวมถึงกลายเป็นควอเตอร์แบ็กที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ที่ออกสตาร์ทในศึกซูเปอร์โบวล์ และยังกลายเป็นนักกีฬาอายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของ NFL เมื่อปี 2019 และคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้ในปีนี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า